เครือข่ายพลังงานภาคประชาชนยื่นหนังสือถึงก.พลังงานเร่งเดินหน้าปฏิรูปพลังงานยึดหลักสากล ห้ามราชการมีผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยการเป็นกรรมการในบริษัทเอกชน เร่งแก้มติให้ปิโตรเคมีจ่ายเงินกองทุนเท่ากับอุตสาหกรรม ตั้งกรรมการสอบการใช้เงินกองทุนน้ำมันย้อนหลัง 5 ปี ตรวจสอบปริมาณน้ำมันดิบ ยี้ “ปิยสวัสดิ์” เข้าตรวจสอบลงทุนต่างประเทศชี้ไม่เหมาะสม แนะควรเป็น “คุณหญิงจารุวรรณ”
พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ผู้ประสานงานเครือข่ายพลังงานภาคประชาชน เปิดเผยหลังการเดินทางมายื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงพลังงาน ที่มีนายปรีชา ขวัญเมือง หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี มารับหนังสือแทนปลัดเมื่อช่วงสายของวันนี้ (2 ก.ค.) ว่า เครือข่ายภาคประชาชนได้มาแสดงจุดยืนของการปฏิรูปพลังงานที่ต้องการขจัดผลประโยชน์ทับซ้อนของเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างความโปร่งใส โดยยึดหลักสากล และตามรัฐธรรมนูญ โดยควรห้ามข้าราชการมีผลประโยชน์ทับซ้อน ห้ามนั่งเป็นกรรมการบริษัทเอกชน ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องยกเลิกกฎหมายที่เอื้อผลประโยชน์ทับซ้อนของเจ้าหน้าที่รัฐ
นอกจากนี้ เรื่องเร่งด่วนที่ควรเข้ามาดูเพื่อปากท้องและค่าครองชีพประชาชน เช่น การยกเลิกมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อ 30 ก.ย. 2554 ที่ให้ปิโตรเคมีจ่ายกองทุนน้ำมันเพียง 1 บาท โดยให้ออกมติใหม่จ่ายเท่ากับภาคอุตสาหกรรมที่ 12 บาทต่อกิโลกรัม ให้ยกเลิกการเอาเงินกองทุนน้ำมันไปชดเชยการนำเข้าแอลพีจีในต้นทุนเทียม ขอให้ตรวจสอบการใช้เงินกองทุนน้ำมันย้อนหลัง 5 ปีและยกเลิกการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
นอกจากนี้ ต้องการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณน้ำมันดิบที่ขุดเจาะจากหลุมโดยมีภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ให้โรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งแสดงหลักฐาน การนำเข้า การซื้อ-ขายน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ ทั้งปริมาณและราคา รวมทั้งสัญญาซื้อขายอย่างโปร่งใส เป็นต้น และในระยะต่อไปควรตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตไม่เอาอดีตคนเคยทำมิชอบมาตรวจสอบ ตั้งคณะกรรมการจัดทำโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบใหม่ และแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
“กรณีที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เข้ามาเป็นกรรมการ บมจ.ปตท.แล้วระบุว่าจะมีการตรวจสอบการลงทุนต่างประเทศของ ปตท. เราไม่เห็นด้วย เพราะคนเหล่านี้มีประวัติไม่โปร่งใส เราไม่มีความเชื่อถือ เราเห็นว่าควรจะเป็นคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา” พ.ท.พญ.กมลพรรณกล่าว