“ศรีรัตน์” สั่งการสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เร่งทำความเข้าใจภาครัฐและเอกชนในสหรัฐฯ เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหา ป้องกันผลกระทบต่อการค้า เผยข่าวดี สมาคมผู้นำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐฯ ยืนยันที่จะทำการค้ากับไทยต่อไป ด้าน GSP ยังไม่มีผลกระทบ เหตุสหรัฐฯ จะไม่ตัดสิทธิด้านการค้า
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ที่ได้ปรับระดับไทยให้อยู่ใน Tier 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด แต่ความรุนแรงสูงสุดว่า ได้สั่งการให้สำนักพาณิชย์ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจต่อรัฐบาลสหรัฐฯ สภาคองเกรส บริษัทค้าปลีก และผู้นำเข้า เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาในเรื่องแรงงานที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการค้า เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจังและจริงใจมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ในระยะเร่งด่วน กระทรวงฯ มีแผนที่จะดำเนินกิจกรรม รวมทั้งการเดินสายไปพบปะผู้นำเข้ารายสำคัญในเมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งได้ขอให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าไทย รวมทั้งผู้บริโภคในสหรัฐฯ
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ไทยยังได้รับการยืนยันจากสมาคมผู้นำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐฯ (NFI) ที่ได้ออกแถลงการณ์ว่าจะทำการค้ากับไทยในฐานะคู่ค้าที่ตั้งใจและปฏิบัติตามมาตรฐานในด้านแรงงานต่อไป ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับไทย NFI ระบุด้วยว่าผู้บริโภคไม่ควรเหมารวมว่าเกิดปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งอุตสาหกรรมกุ้งของไทยแต่ควรมองว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่ง และเป็นความท้าทายของรัฐบาลไทยที่จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา และยืนยันว่าจะไม่นำเข้าหรือทำธุรกิจกับโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานด้านแรงงาน
“ทาง NFI ได้ตระหนักถึงความจริงใจของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาแรงงานในอุตสาหกรรมอาหารทะเล และระบุชัดเจนว่าจะทำธุรกิจกับคู่ค้าที่มีความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาแรงงานอย่างจริงจัง ที่สำคัญ ได้ยืนยันว่าการยกเลิกทำธุรกิจกับคู่ค้าไทยที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานแรงงานและความปลอดภัยด้านแรงงาน จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี” นางศรีรัตน์กล่าว
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลเรื่องการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะภายใต้กฎหมาย Trafficking Victims Protection Act 2000 ไม่อนุญาตให้ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ เพิกถอนสิทธิประโยชน์และความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับด้านการค้า
สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป กระทรวงฯ จะนัดหารือร่วมกับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันประเมินผลกระทบและกำหนดท่าทีในการดำเนินการ ก่อนที่จะส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนเร่งด่วน และนำเสนอให้สหรัฐฯ พิจารณาต่อไป เพราะภายใต้กฎหมายดังกล่าว สหรัฐฯ มีอำนาจที่จะเพิกถอนความช่วยเหลือที่ไม่ใช่ด้านมนุษยธรรม และที่ไม่ใช่ด้านการค้า