ปตท.ยืนยันดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นไปตามข่าวการผลิตปิโตรเลียมของบริษัทผู้รับสัมปทานในพื้นที่ ส.ป.ก. จังหวัดเพชรบูรณ์ โดย ปตท.ได้รับซื้อน้ำมันดิบทั้งหมดที่ผลิตได้เพื่อใช้ภายในประเทศ ที่มีการทำสัญญาซื้อขายอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2551-2561 โดยส่งต่อให้โรงกลั่นในประเทศ
นายสรากร กุลธรรม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีเผยแพร่ข่าวการลักลอบผลิตปิโตรเลียมของบริษัทผู้รับสัมปทานในพื้นที่ ส.ป.ก. จังหวัดเพชรบูรณ์ผ่านสื่อต่างๆ ว่า บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม 2514 ที่มีสิทธิในการดำเนินงานในการประกอบกิจการด้านปิโตรเลียมในพื้นที่ผลิตสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 3/2546/60 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43 และสัมปทานเลขที่ 5/2546/62 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L33/43 โดยปัจจุบันมีอัตราการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดเพียง 4,790 บาร์เรลต่อวัน (ข้อมูลกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ณ เดือนพฤษภาคม 2557)
นายสรากรเน้นย้ำว่า ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการประกอบกิจการผลิตปิโตรเลียมใน จ.เพชรบูรณ์ตามที่เป็นข่าว นอกจากการรับซื้อน้ำมันดิบทั้งหมดเพื่อใช้ภายในประเทศ ที่มีการทำสัญญาซื้อขายอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปี 2561 โดยส่งต่อให้โรงกลั่นในประเทศ ซึ่งปริมาณดังกล่าวคิดเป็นเพียงประมาณ 2% ของการผลิตน้ำมันดิบในประเทศเท่านั้น ในขณะที่ประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันดิบถึงประมาณ 80% เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้ในประเทศ