คสช.ถกกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งขจัดปัญหา รง.4 ปรับ KPI ให้ลดขั้นตอนขออนุญาตเหลือไม่เกิน 30 วัน เร่งอนุมัติ 200 กิจการที่ค้าง รง.4 โดยเฉพาะโซลาร์รูฟท็อปโดยเร็ว พร้อมเตรียมยื่นหัวหน้า คสช.เร่งตั้งบอร์ดบีโอไอ 4 มิ.ย.นี้เพื่อลุยอนุมัติลงทุนค้างท่อกว่า 7 แสนล้านบาทใน 2 เดือน หัวหน้า คสช.ฝากให้เร่งอุตฯ รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ราคาอ้อยขั้นต้นยังไม่พิจารณาขอติดไว้ก่อนดูรายละเอียด
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังการเดินทางมาตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรมวันนี้ (2 มิ.ย.) ว่า จากการหารือประเด็นสำคัญกรณีปัญหาการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานหรือ รง.4 ที่ขณะนี้กระทรวงฯ ได้ปรับลดขั้นตอนจาก 90 วันเหลือไม่เกิน 45 วัน จะมีการปรับตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหรือ KPI ใหม่ให้แล้วเสร็จไม่เกิน 30 วัน โดยให้เร่งอนุมัติโรงงานที่ค้างพิจารณา รง.4 จำนวน 200 แห่งโดยเร็ว โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนพิจารณาให้เสร็จภายใน 2 เดือน
“กรณีโครงการโซลาร์รูฟท็อป และเขื่อนขนาดเล็กไม่เกิน 1,000 KW ก็ได้อนุโลมให้ไม่ต้องขอ รง.4 อยู่แล้ว จึงควรจะเร่งพิจารณาให้โดยเร็ว และขอให้กระทรวงอุตฯ และพลังงานเบื้องต้นมีการบูรณาการดำเนินการอนุมัติไปก่อน และรายละเอียดจะได้มีการพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งด่วนคือการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยจะเสนอหัวหน้า คสช.ให้พิจารณาแต่งตั้งภายในวันที่ 4 มิ.ย. 57 และหลังจากนั้นจะเร่งพิจารณาโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอที่ค้างการพิจารณา 700 โครงการประมาณ 7 แสนกว่าล้านบาทให้ได้หมดไม่เกินภายใน 2 เดือน
สำหรับเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมนั้นหัวหน้า คสช.ได้มอบหมายให้เพิ่มการพัฒนาอุตสาหกรรมรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเข้าไปด้วย ส่วนกรณีชาวไร่อ้อยเรียกร้องเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 56/57 อีก 160 บาทต่อตันโดยจะขอสนับสนุนแหล่งเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นั้นเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณา ขอติดเอาไว้ก่อนเพื่อพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ โดยกรณีอ้อยมีการหารือภาพรวมที่สำคัญ 2 ประเด็น คือ 1. การผลิต และ 2. การส่งเสริมและจัดหาพลังงานทดแทน