“กลุ่มดาวเฮือง” เร่งขยายฐานธุรกิจการลงทุนด้านกาแฟสู่กลุ่มเออีซี เบื้องต้นเล็งที่ไทยและเวียดนามก่อน ซุ่มเจรจาทำคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง พร้อมขยายตลาดนำเข้าสินค้ากลุ่มกาแฟมาขายเพิ่มอีก ลุยต่อเนื่องผุดดิวตี้ฟรีแห่งใหม่ที่เวียดนาม
นางสาวบุนเฮือง ลิดดัง รองประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท ดาวเฮือง ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟตรา “ดาวคอฟฟี่” ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยว่า กลุ่มดาวเฮืองมีแผนที่จะขยายธุรกิจการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมที่มีฐานเพาะปลูก ผลิต และจำหน่ายกาแฟ แบบต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ในลาวอยู่แล้ว โดยมองไปที่กลุ่มเออีซี หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยพุ่งเป้าหมายไปที่ไทยและเวียดนามเป็นหลัก
ในไทยนั้นจะมีการนำสินค้าในกลุ่มเข้าจำหน่ายมากขึ้นในปีหน้าผ่านบริษัทดิสทริบิวเตอร์คือ บริษัท ซำบายดี จำกัด เช่น ชาผง ชาชง กาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม และสลิมคอมฟี่ซึ่งมีการเริ่มจำหน่ายทดลองทำตลาดมาบ้างแล้ว โดยสินค้าบางอย่างก็ว่าจ้างโรงงานในประเทศไทยเป็นผู้ผลิตให้รูปแบบโออีเอ็ม เช่น กาแฟกระป๋อง เป็นต้น จากเดิมที่ในไทยมีการจำหน่ายสินค้ากาแฟผง กาแฟคั่วบด มาก่อนหน้าแล้ว และล่าสุดยังได้เตรียมรุกตลาดร้านกาแฟด้วย โดยเปิดสาขาแรกแล้วที่ธัญญาปาร์ค ถนนศรีนครินทร์ สาขาที่สองจะเปิดที่สยามวัน เดือนหน้า
นอกจากนั้น ตลาดในไทยบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะทำการส่งเสริมเกษตรกรในการเพาะปลูกพืชผลต่างๆ ในลักษณะคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่งที่ทำเหมือนกับในลาวด้วยคือ การปลูกกาแฟซึ่งเรามองไว้ที่ภาคเหนือและต้องมีมากกว่า 500 ไร่ขึ้นไปจะปลูกพันธ์อะราบิกา อีกทั้งมีแผนที่จะตั้งโรงงานผลิตกาแฟแบบ WET PLANT ที่ไทยด้วย โดยปัจจุบันในลาวมีแล้ว 3 แพลนต์ รวมไปถึงคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่งการปลูกเผือกและพืชต่างๆ เพื่อนำมาเป็นวัดถุดิบในการผลิตสแน็กของบริษัทฯ ด้วย
ในลาวที่ปากเซ แขวงจำปาสัก เรามีการส่งเสริมเกษตรกรในการปลูกกาแฟแบบคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง รวมแล้วกว่า 2,000 ครัวเรือนแล้ว ครัวเรือนละประมาณ 3-5 ไร่ และของบริษัทฯ เอง 1,500 ไร่ ซึ่งรวมแล้วมากกว่า 10,000 ไร่ ซึ่งผลจากคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่งทำให้เรามีเมล็ดกาแฟประมาณ 40,000 ตันต่อปี
สำหรับในเวียดนามนั้นเตรียมที่จะนำกาแฟกระป๋องเข้าไปจำหน่ายเช่นกัน ซึ่งเวียดนามก็เป็นตลาดใหญ่ที่ไม่แพ้ไทยเหมือนกันและเป็นตลาดที่รู้จักแบรนด์เราดีอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีแบรนด์ท้องถิ่นที่แข็งแกร่งอยู่ก็ตามก็มั่นใจว่าดาวคอฟฟี่จะสามารถสู้กับคู่แข่งได้ โดยนอกจากกาแฟแล้วยังเตรียมลงทุนเปิดดิวตี้ฟรีในเวียดนามอีกด้วย 1 สาขา จากเดิมที่มีดิวตี้ฟรีแล้ว 7 สาขาในลาว และปีหน้าจะเปิดอีก 2 สาขาในลาวเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนในแง่การขยายตลาดช่องทางจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่ทำอยู่แล้วก็จะทำการขยายตลาดเพิ่มเติมต่อเนื่องเช่นกันในรูปแบบการแต่งตั้งเอเยนต์ 1 ประเทศต่อ 1 ราย เช่น ไทย เวียดนาม พม่า กัมพูชา และญี่ปุ่นที่เน้นกาแฟสายพันธุ์อะราบิกา มูลค่าส่งออกประมาณ 7,000 ตันต่อปี ส่วนประเทศจีนเน้นสินค้าทรีอินวัน และเริ่มขยายไปตลาดตะวันออกกลางด้วย โดยเริ่มศึกษาตลาดที่จอร์แดนเป็นประเทศแรก
สำหรับในลาวก็มีการลงทุนเพิ่มบ้างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มเครื่องจักรผลิตผลไม้อบแห้ง เครื่องจักรผลิตน้ำ และเตรียมลงทุนเครื่องจักรผลิตซอส ซึ่งปีนี้ลงทุนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
นางสาวบุนเฮือง กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าปีนี้รายได้ทั้งกลุ่มจะมีประมาณ 160 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตประมาณ 20-30% โดยรายได้หลักมาจาก อาหาร 80% คือกาแฟเป็นหลัก และอีก 20% มาจากดิวตี้ฟรี