“วาโก้” ย้ำเป็นเบอร์หนึ่งตลาดชุดชั้นในไทย ครองส่วนแบ่ง 58% จากตลาดรวม 7 พันล้านบาท รุกกลยุทธ์ซีเอสอาร์ เตรียมจัดกิจกรรมโรดโชว์รับบริจาคบรา “สร้างอาชีพ...รักสิ่งแวดล้อม” เผยบรา 1 ตัว กว่าจะย่อยสลายเองตามธรรมชาติต้องใช้เวลาเฉลี่ยเป็นร้อยปี
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปีนี้กลุ่มตลาดที่เติบโตที่ดีที่สุดของบริษัทฯ คือกลุ่มตลาดแฟชั่นยอดโตกว่า 10% เป็นสินค้าที่ยังมีสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ อยู่ประมาณที่ 3% ด้านตลาดรวมชุดชั้นในอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท โดยแบรนด์ “วาโก้” ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 58% จึงมีการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายและมีการทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ ที่มีความชัดเจนมากขึ้นควบคู่กับการทำตลาดซีเอสอาร์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์เสริมความแกร่งให้กับธุรกิจระยะยาว
นอกเหนือจากเป้าหมายการเติบโตในสนามแข่งขันทางธุรกิจโดยปกติที่จะคำนึงถึงประโยชน์ที่มีต่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ได้รับความพึงพอใจในสินค้าและบริการแล้ว การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมทั้งระยะสั้นและระยะยาวนั้นก็เป็นนโยบายที่บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเน้นกิจกรรมที่ตอบโจทย์อย่างเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืน พร้อมนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ ทางซีเอสอาร์ไปตามปัจจัยแวดล้อมในปัจจุบันพร้อมกำหนดทิศทางและวางกลยุทธ์ให้ทันกับสถานการณ์
ดังนั้น ในช่วงไตรมาส 2-3 จึงเป็นการรุกตลาดเดินเกมเสริมกลยุทธ์ด้านซีเอสอาร์มากขึ้น โดยเปิดโครงการ “วาโก้ บราเดย์ ปี 3” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสร้างสรรค์สังคมที่ทำการรณรงค์ให้ผู้หญิงทั่วประเทศร่วมกันบริจาคบราสำหรับใช้ในการสร้างโอกาสให้แก่ผู้อื่น สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และส่งเสริมศักยภาพสตรีที่จัดขึ้นต่อเนื่อง สำหรับปีนี้ได้ขยายการทำดีในมุมที่กว้างขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “บรามีค่า...สร้างอาชีพ รักสิ่งแวดล้อม” นอกจากจะเชิญชวนให้ผู้หญิงทุกคนร่วมกันบริจาคบราเพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ ผ่านทางสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ แล้ว ยังได้มีส่วนร่วมในการช่วยลดสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำบราที่เสื่อมสภาพมาย่อยสลายอย่างมีคุณค่า โดยความร่วมมือจาก บมจ.ไทยวาโก้ หนึ่งในพันธมิตร ปีนี้ได้สนับสนุนและดำเนินการในเรื่องของ “บรา จีโอไซเคิล” (Geocycle) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในของประเทศไทยในการจัดการซากของผลิตภัณฑ์อย่างมีระบบได้มาตรฐาน ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“บรา 1 ตัว กว่าจะย่อยสลายเองตามธรรมชาติต้องใช้เวลาเฉลี่ยเป็นร้อยปี เนื่องจากวัสดุส่วนใหญ่เป็นโพลีเมอร์ หากนำบราเสื่อมสภาพไปเป็นเชื้อเพลิงพลังงานทดแทนจะช่วยลดการใช้ก๊าซ, น้ำมัน, ถ่านหินได้ รวมทั้งลดปัญหาสภาวะโลกร้อน ซึ่งวัดจากยอดบริจาคบราที่ตั้งเป้าปีนี้ 50,000 ตัว โครงการวาโก้ บราเดย์ ปี 3 จะสามารถช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมแทนการฝังกลบลดปริมาณขยะในชุมชนได้ถึง 5 ตัน และลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 127.1 ต้น เป็นพลังงานทดแทนถ่านหินได้ถึง 6.8 ตัน”
ผลที่ได้จากโครงการครั้งนี้จะทำให้เกิดประประโยชน์หลายด้านทั้งองค์กรเองก็จะได้ลดพื้นที่ กักเก็บลดความเสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียง ด้วยการนำกากของเสียเข้าระบบเผาอย่างสมบูรณ์ เพื่อสอดคล้องกับกฎหมาย ส่วนชุมชนก็จะช่วยลดขยะในชุมชน ลดปริมาณการฝังกลบการของเสีย เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับการสร้างงานให้กับคนในชุมชน ในด้านสิ่งแวดล้อมก็สามารถลดและชะลอการนำทรัพยากรธรรมชาติการใช้ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์และก๊าซมีเทนจากหลุมฝังกลบ ลดโอกาสการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้การเผาผลิตบราเสื่อมสภาพร่วมในเอตาปูนซีเมนต์ยังไม่ก่อให้เกิดขี้เถ้า หรือสิ่งตกค้าง โดยขี้เถ้าที่เกิดขึ้นจะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของปูนซีเมนต์ ถือเป็นการจัดการอุตสาหกรรมแบบครบวงจรได้มาตรฐานระดับสากล
“จึงอยากเชิญชวนผู้หญิงไทยทุกคนที่มีบราที่ไม่ใช้แล้วมาร่วมบริจาคกับวาโก้ ซึ่งตอนนี้ได้ตั้งจุดรับบริจาคบราทุกรุ่นทุกยี่ห้อทุกสภาพไว้ทั่วประเทศ พร้อมยังมีกิจกรรมโรดโชว์รับบริจาคไปตามพื้นที่ต่างๆ โดยทุกๆ การบริจาค 1 ตัว วาโก้จะมอบบัตรแทนเงินสดมูลค่า 100 บาท แทนคำขอบคุณให้กับผู้ร่วมบริจาค สำหรับผู้สนใจร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค.57 ที่เคาน์เตอร์วาโก้ เชื่อว่ายอดบริจาคจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าเพิ่มจาก 30,000 ตัว เป็น 50,000 ตัว คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี” นายธรรมรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
