xs
xsm
sm
md
lg

ส่องกลยุทธ์บาวแดง ปั้น “สตาร์ท พลัส ซิงค์” รุกเครื่องดื่มเกลือแร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ของค่าย “คาราบาวแดง” หรือบริษัท คาราบาว ตะวันแดง จำกัด ด้วยการส่งแบรนด์ “สตาร์ท พลัส ซิงค์” ลงสมรภูมิครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่ง

หลังจากที่ปีที่แล้วค่าย “เบียร์สิงห์” ก็รุกตลาดไปก่อนหน้ากับการปั้นเครื่องดื่มเกลือแร่แบรนด์ “ซันโว” ลงตลาดไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่แรงและไม่น่ากลัวสักเท่าไร

ขณะที่ “สตาร์ท พลัส ซิงค์” ของ “คาราบาวแดง” มีพื้นฐานมาจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมาก่อน ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นตลาดที่ไม่แตกต่างกันมากนัก จึงมีความได้เปรียบกว่า

ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ในไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทต่อปี เติบโตเฉลี่ย 10% แต่มีผู้เล่นที่ผูกขาดความเป็นผู้นำอยู่เพียงรายเดียวมาตลอดกว่า 30 ปี คือ แบรนด์ “สปอนเซอร์” ครองตลาด 83% ทิ้งห่างอันดับสองคือ “เอ็มสปอร์ต” ของค่ายโอสถสภา ที่มีแชร์เพียง 12.7% แบบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว

ส่วนอันดับสามคือ “เกเตอเรด” ของค่ายเป๊ปซี่อินเตอร์แบรนด์ระดับโกลบอล มีแชร์เพียง 3.5% เท่านั้น ที่เหลืออีก 0.8% คือ “ซันโว พาวเวอร์ พลัส” และอื่นๆ รวมกัน

จึงทำให้โอกาสที่รายอื่นจะแซงสปอนเซอร์ขึ้นมาได้นั้นเป็นเรื่องยาก

ทว่า การเข้าตลาดเพื่อครองอันดับที่สองให้ได้นั้นดูเหมือนว่าจะง่ายกว่าด้วยซ้ำไป และ “สตาร์ท พลัส ซิงค์” ก็มองเช่นนี้ในเบื้องต้น

นายกมลดิษฐ์ สมุทรโคจร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คาราบาว ตะวันแดง จำกัด ผู้ทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง เปิดเผยว่า จากการศึกษาตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ในไทยแล้วพบว่ายังพอที่จะมีช่องว่างทางการตลาดที่จะทำให้รายใหม่อย่างเราเข้าสู่ตลาดได้ เช่น ทุกรายเดิมมักจะนำเสนอและย้ำว่าเครื่องดื่มเกลือแร่สำหร้บผู้เสียเหงื่อและจากการเล่นกีฬาซึ่งจริงๆ แล้วฐานกลุ่มผู้ดื่มมีมากกว่านั้น

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ทางคาราบาวแดงกรุ๊ปกล้ากระโดดเข้าสู่ตลาดนี้เพราะจากข้อมูลที่สำรวจวิจัยมาพบว่าตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่จะแปรผันไปตามจำนวนประชากรของแต่ละภาค ขณะที่เครื่องดื่มชูกำลังนั้นจะขายดีและมีตลาดใหญ่อยู่ที่ที่มีแรงงานมากๆ

โดยสัดส่วนผู้ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่กระจายดังนี้ ภาคเหนือ 19%, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 33%, ภาคกลาง 27%, ภาคใต้ 10% และกรุงเทพฯ กับปริมณฑล 11% แต่ขณะที่เครื่องดื่มชูกำลังจะมีตลาดใหญ่อยู่ที่สถานที่ใดก็ตามที่มีผู้ใช้แรงงานอยู่มากเป็นสำคัญ

อีกทั้งผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่จะมีตั้งแต่กลุ่มอายุ 15-50 ปี จีงมีฐานและจำนวนที่มากและกว้างกว่าเครื่องดื่มชูกำลังที่จะมีตลาดใหญ่ผู้ดื่มอยู่ที่อายุมากกว่าเป็นหลัก

ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ที่จริงแล้วไม่ใช่ดื่มเฉพาะผู้ที่เล่นกีฬาและเสียเหงื่อเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงกลุ่มคนที่เสียเหงื่อไม่ว่าจะเหตฺผลอะไรด้วยก็ตาม โดยเฉพาะผู้ที่อยู่กลางแจ้งจะเสียเหงื่อมากและในโลกแห่งความเป็นจริงผู้ใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้งสู้กับแดดก็มีไม่น้อย

นี่คือเหตุผลที่คาราบาวแดงกระโจนเข้าสมรภูมิรบเครื่องดื่มเกลือแร่ ในนามของ “สตาร์ท พลัส ซิงค์” เพราะเชื่อมั่นว่าโอกาสแจ้งเกิดมีถ้ามีความแตกต่างมากพอ

เพราะอีกปัจจัยคือ ไม่ว่าใครก็ตามที่เสียเหงื่อแล้วหมายถึงการเสียน้ำ เสียเกลือแร่ และเสียซิงค์จากร่างกายไปด้วย (ซิงค์ หรือสังกะสี เป็นแร่ธาตฺที่ร่างกายขาดไม่ได้และผลิตเองก็ไม่ได้) คือการตอกย้ำว่า ทำไมต้องเป็น “สตาร์ท พลัส ซิงค์” ซึ่งคาราบาวแดงย้ำว่าเป็นแบรนด์เดียวในตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีส่วนผสมของซิงค์

ส่วนกลยุทธ์การตลาดนั้น นายกมลดิษฐ์ กล่าวว่า บริษัทใช้กลยฺทธ์แบบครบวงจร 360 องศา เพื่อหวังแจ้งเกิดให้ได้ ด้วยมั่นใจแพกเกจจิ้งที่มีฝาสีฟ้าสื่อถึงความสดใสไม่เหมือนใคร ด้วยราคาขวดละ 10 บาท แต่คฺณค่ามากกว่าคู่แข่ง และให้ผลประโยชน์กับร้านค้ามากกว่า การมีระบบขนส่งและจัดจำหน่ายด้วยตัวเองที่แข็งแกร่งที่ไปพร้อมกับเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง

“เรายืมสาวบาวแดงมา 500 คน และรถอีก 70 คัน เอามาตระเวนไปตามย่านชุมชนต่างๆ จัดอีเวนต์ แจกทดลองชิม 1 ล้านขวด ภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อเจาะรากหญ้าก่อน และสาวซิงค์ก็จะอธิบายสรรพคุณให้ลูกค้าฟังได้เต็มที่ชนิดถึงตัวเลย ซึ่งชูกำลังคาราบาวแดงก็เกิดได้ด้วยวิธีนี้ นอกจากนั้นจะสื่อสารการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางทั้ง วิทยุเครือข่าย สิ่งพิมพ์ รายการกีฬา เป็นต้น” นายกมลดิษฐ์ กล่าว

เป้าหมายปีแรก “สตาร์ท พลัส ซิงค์” หวังแชร์เพียง 10% ก่อนจากมูลค่าตลาดรวม 6,000-7,000 ล้านบาท หรือมียอดขายประมาณ 5 ล้านขวดต่อเดือนในปี 2557 และหวังไต่ขี้นเป็นที่ 2 ในปี 2558 ก่อนเป้าหมายใหญ่โค่นแชมป์สปอนเซอร์เพื่อขึ้นเป็นที่ 1 ด้วยแชร์ไม่ต่ำกว่า 40%

จะเป็นไปตามที่ “สตาร์ท พลัส ซิงค์” หวังหรือไม่ก็ต้องรอบทพิสูจน์การขึ้นเป็นที่ 2 ให้ได้ก่อน !


กำลังโหลดความคิดเห็น