ASTVผู้จัดการรายวัน - คาราบาวแดงเดินหน้าลุยตลาดโลก ทุ่มพันล้านผุดฐานผลิตในเขมร พม่า เพิ่มผลิตในไทยรองรับ หวัง 5 ปีสู่แชมป์ชูกำลังอาเซียน หนุนรัฐลดต้นทุนลอจิสติกส์
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายที่จะผลักดันให้คาราบาวแดงก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดอาเซียนภายใน 5 ปีจากนี้ และจะมียอดขายรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดแล้วในลาว และเขมร ส่วนตลาดฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียนั้นมีเจ้าตลาดครองอยู่และมีการแข่งขันรุนแรงมาก
ขณะที่ปัจจุบันคาราบาวแดงจำหน่ายกว่า 30 ประเทศทั่วโลกแล้ว ตลาดหลักอยู่ที่ตะวันออกกลางกับอาเซียน ซึ่งในอาเซียนนี้บริษัทฯ สนใจลงทุนใน 2 ประเทศหลักที่จะสร้างฐานผลิตที่เขมรเพื่อส่งอออกไปยังเวียดนาม และฐานผลิตที่พม่าเพื่อส่งออกไปยังอินเดียและบังกลาเทศ เพื่อลดต้นทุนทางด้านการขนส่งและจะทำให้สินค้ามีราคาจำหน่ายที่ต่ำลงด้วย มีประสิทธิภาพต่อการแข่งขัน เช่น คาราบาวแดงที่ขายในพม่าเวลานี้นำเข้าจากไทยเป็นกระป๋องขนาด 250 มม.เทียบแล้วราคาสูงกว่าในไทยเกือบ 2 เท่าตัว และยังเป็นรองคู่แข่งคือแบรนด์ชาร์คของไทยที่ร่วมทุนกับท้องถิ่นตั้งโรงงานผลิตด้วย ทั้งสองประเทศคาดว่าต้องลงทุนเฉลี่ย 300 ล้านบาทต่อประเทศ
ส่วนฐานการผลิตในไทยจะใช้รองรับการส่งออกทั่วโลกกับอาเซียนบางประเทศ ล่าสุดปีหน้าเตรียมลงทุนเพิ่มอีกกว่า 300 ล้านบาทซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มกำลังผลิตอีก 40% จากเดิมที่ผลิตได้ 3 ล้านขวดต่อวัน ส่วนงบการตลาดนั้นใช้ประมาณมากกว่า 100 ล้านบาทอยู่แล้ว รวมงบประมาณลงทุนทั้งหมดแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท
“ที่พม่าเราสนใจมากคาดว่าจะเป็นการลงทุนร่วมกับทุนท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้เราแต่งตั้งเอเยนต์อย่างน้อย 3 รายจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่แล้วกว่าครึ่งประเทศ และคาดว่าตลาดพม่ายังมีโอกาสโตได้มากถึง 10 เท่าจากปัจจุบันเพราะมีประชากรมากกว่า 60 ล้านคน และมีกลุ่มคนที่ใช้แรงงานที่เป็นเป้าหมายของเราจำนวนมาก รวมทั้งหลังจากเปิดประเทศมากขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคก็จะเพิ่มขึ้นด้วย และเมื่อราคาสินค้าถูกลงจากการผลิตในประเทศพม่าและกำแพงภาษีไม่มีแล้วจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558”
การทำตลาดในอาเซียนสิ่งสำคัญคือเรื่องการบริหารต้นทุนจากลอจิสติกส์มากกว่าด้านการทำตลาดด้วย ซึ่งบริษัทฯ พร้อมอยู่แล้วกับกลยุทธ์ต่างๆ เช่น สาวบาวแดงเหมือนในไทย ซึ่งล่าสุดคาราบาวแดงได้เป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่จะถึงนี้ด้วยการมอบเงินจำนวนหนึ่ง และวงคาราบาวได้เล่นคอนเสิร์ตที่เมืองย่างกุ้งด้วยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการสร้างแบรนด์ทางหนึ่งได้ด้วย
ปัจจุบันคาราบาวแดงเป็นอันดับสอง มีแชร์มากกว่า 26% จากมูลค่าตลาดรวมที่ 30,000 ล้านบาท ส่วนผู้นำตลาดมีมากกว่า 40-42% ส่วนอันดับสามมีแชร์ 15% ทั้งนี้ตลาดรวมโตไม่มากแค่ 5% โดยปีนี้คาราบาวแดงตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 7,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 30% และปีหน้าตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 10,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากไทยประมาณ 78% และมาจากต่างประเทศประมาณ 22% ตั้งเป้าหมาย 3 ปีจากนี้ไปสัดส่วนรายได้จะมาจากต่างประเทศ 30%
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายที่จะผลักดันให้คาราบาวแดงก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดอาเซียนภายใน 5 ปีจากนี้ และจะมียอดขายรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดแล้วในลาว และเขมร ส่วนตลาดฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียนั้นมีเจ้าตลาดครองอยู่และมีการแข่งขันรุนแรงมาก
ขณะที่ปัจจุบันคาราบาวแดงจำหน่ายกว่า 30 ประเทศทั่วโลกแล้ว ตลาดหลักอยู่ที่ตะวันออกกลางกับอาเซียน ซึ่งในอาเซียนนี้บริษัทฯ สนใจลงทุนใน 2 ประเทศหลักที่จะสร้างฐานผลิตที่เขมรเพื่อส่งอออกไปยังเวียดนาม และฐานผลิตที่พม่าเพื่อส่งออกไปยังอินเดียและบังกลาเทศ เพื่อลดต้นทุนทางด้านการขนส่งและจะทำให้สินค้ามีราคาจำหน่ายที่ต่ำลงด้วย มีประสิทธิภาพต่อการแข่งขัน เช่น คาราบาวแดงที่ขายในพม่าเวลานี้นำเข้าจากไทยเป็นกระป๋องขนาด 250 มม.เทียบแล้วราคาสูงกว่าในไทยเกือบ 2 เท่าตัว และยังเป็นรองคู่แข่งคือแบรนด์ชาร์คของไทยที่ร่วมทุนกับท้องถิ่นตั้งโรงงานผลิตด้วย ทั้งสองประเทศคาดว่าต้องลงทุนเฉลี่ย 300 ล้านบาทต่อประเทศ
ส่วนฐานการผลิตในไทยจะใช้รองรับการส่งออกทั่วโลกกับอาเซียนบางประเทศ ล่าสุดปีหน้าเตรียมลงทุนเพิ่มอีกกว่า 300 ล้านบาทซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มกำลังผลิตอีก 40% จากเดิมที่ผลิตได้ 3 ล้านขวดต่อวัน ส่วนงบการตลาดนั้นใช้ประมาณมากกว่า 100 ล้านบาทอยู่แล้ว รวมงบประมาณลงทุนทั้งหมดแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท
“ที่พม่าเราสนใจมากคาดว่าจะเป็นการลงทุนร่วมกับทุนท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้เราแต่งตั้งเอเยนต์อย่างน้อย 3 รายจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่แล้วกว่าครึ่งประเทศ และคาดว่าตลาดพม่ายังมีโอกาสโตได้มากถึง 10 เท่าจากปัจจุบันเพราะมีประชากรมากกว่า 60 ล้านคน และมีกลุ่มคนที่ใช้แรงงานที่เป็นเป้าหมายของเราจำนวนมาก รวมทั้งหลังจากเปิดประเทศมากขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคก็จะเพิ่มขึ้นด้วย และเมื่อราคาสินค้าถูกลงจากการผลิตในประเทศพม่าและกำแพงภาษีไม่มีแล้วจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558”
การทำตลาดในอาเซียนสิ่งสำคัญคือเรื่องการบริหารต้นทุนจากลอจิสติกส์มากกว่าด้านการทำตลาดด้วย ซึ่งบริษัทฯ พร้อมอยู่แล้วกับกลยุทธ์ต่างๆ เช่น สาวบาวแดงเหมือนในไทย ซึ่งล่าสุดคาราบาวแดงได้เป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่จะถึงนี้ด้วยการมอบเงินจำนวนหนึ่ง และวงคาราบาวได้เล่นคอนเสิร์ตที่เมืองย่างกุ้งด้วยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการสร้างแบรนด์ทางหนึ่งได้ด้วย
ปัจจุบันคาราบาวแดงเป็นอันดับสอง มีแชร์มากกว่า 26% จากมูลค่าตลาดรวมที่ 30,000 ล้านบาท ส่วนผู้นำตลาดมีมากกว่า 40-42% ส่วนอันดับสามมีแชร์ 15% ทั้งนี้ตลาดรวมโตไม่มากแค่ 5% โดยปีนี้คาราบาวแดงตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 7,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 30% และปีหน้าตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 10,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากไทยประมาณ 78% และมาจากต่างประเทศประมาณ 22% ตั้งเป้าหมาย 3 ปีจากนี้ไปสัดส่วนรายได้จะมาจากต่างประเทศ 30%