ASTVผู้จัดการรายวัน - “คาราบาวกรุ๊ป” จัดทัพตั้งโฮลดิ้งคอมปะนีถือหุ้น 3 บริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ยื่นไฟลิ่งมิถุนายนนี้ หวังระดมทุนขยายกิจการทั้งในและต่างประเทศ ซุ่มเจรจาทุนเครื่องดื่มญี่ปุ่น เล็งตั้งโรงงานผลิตขวดเฟสที่สอง ล่าสุดปั้น “สตาร์ท พลัส ซิงค์” ลุยตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นโฮลดิ้งคอมปะนีในการเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัทลูกที่มีอยู่ 3 บริษัท คือ บจ.คาราบาวตะวันแดง, บจ.เอเซียแปซิฟิกกลาส ผลิตขวดแก้ว และ บจ.ตะวันแดงดีซีเอ็ม ดำเนินธุรกิจลอจิสติกส์ เพื่อนำบริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี บลจ.กสิกรไทยกับ บล.ซีไอเอ็มบี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และจะยื่นไฟลิ่งภายในเดือนมิถุนายน ศกนี้ ตั้งสัดส่วนกระจายหุ้น 25%
การเข้าตลาดหุ้นของคาราบาวแดงกรุ๊ปเพื่อจะระดมทุนมาใช้ในการขยายกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงชำระหนี้ต่างๆ ที่นำมาลงทุนก่อนหน้านี้ เช่น การลงทุน 1,800 ล้านบาทเป็นโรงงานผลิตแก้ว ซึ่งจะถือเป็นโรงงานผลิตขวดแก้วรายใหญ่ที่ 4 ในไทย คาดว่าจะเสร็จปลายปีนี้ด้วยกำลังผลิต 600 ล้านขวดต่อปี โดยมีแผนที่จะเพิ่มการผลิตด้วยงบอีก 1,500 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1,200 ล้านขวดต่อปีในปี 2558
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะลงทุนโรงงานผลิตในต่างประเทศอีกด้วยเพื่อรองรับการเติบโตของเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง ซึ่งบริษั้ทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันคาราบาวแดงขึ้นเป็นที่หนึ่งในตลาด CLMV คือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามภายใน 5 ปี โดยปัจจุบันคาราบาวแดงเป็นผู้นำตลาดในกัมพูชา มียอดขาย 10 ล้านกระป๋องต่อเดือน ซึ่งอยู่ในขั้นที่น่าจะลงทุนผลิตเองได้ ส่วนที่พม่ามียอดขาย 2 แสนลังต่อเดือนแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทุนธุรกิจเครื่องดื่มของญี่ปุ่นที่สนใจจะมาร่วมลงทุนกับคาราบาวแดงกรุ๊ปในการรุกตลาดเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อเป็นการขยายพอร์ตสินค้าและธุรกิจด้วย
“บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบลอจิสติกส์ด้วยเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต หลังจากที่ดำเนินการด้านขนส่งเองมา 2 ปีโดยบริษัท ตะวันแดงดีซีเอ็ม จำกัด พบว่าประสบความสำเร็จมากและทำให้รู้ถึงระบบการจัดการต้องทำอะไรบ้าง เพราะเทคโนโลยีการผลิตเป็นเรื่องที่มีไม่แพ้กัน แต่ตัววัดความสำเร็จคือระบบลอจิสติกส์ที่เป็นเรื่องใหม่ในไทย โดยปัจจุบันเรามีเอเยนต์ทั่วประเทศ 50 ราย และมีระบบซับเอเยนต์กว่า 1,300 รายทั่วประเทศ จึงทำให้สินค้าเข้าสู่ตลาดได้อย่างทั่วถึง”
ล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ “สตาร์ท พลัส ซิงค์” เพื่อเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตดี แม้ว่าจะมีผู้เล่นหลายรายก็ตาม แต่ก็มีเพียงรายเดียวที่ครองตลาดมากคือ “สปอนเซอร์” แชร์ตลาด 83% ส่วนอันดับที่สองคือ “เอ็มสปอร์ต” แชร์ 12.7% “เกเตอเรด” 3.5% ที่เหลือเช่น “ซันโว พาวเวอร์พลัส” ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายผลักดัน “สตาร์ทพลัส ซิงค์” ขึ้นเป็นที่สองในตลาดภายในปีหน้า ด้วยส่วนแบ่งตลาดปีแรก 10% ด้วยยอดขาย 600-700 ล้านบาท โดยมีเป้าหมาย 5 ปีขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่
ขณะที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ตกลง 3% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 35,000 ล้านบาท เพราะเศรษฐกิจไม่ดี และการแข่งขันที่รุนแรงของตลาด ทั้งที่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดรวมเติบโต 8% โดย “คาราบาวแดง” เป็นอันดับที่สองด้วยแชร์ 26% ส่วนผู้นำตลาดคือ “เอ็ม150” แชร์ 45%
“เมื่อปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งกรุ๊ปประมาณ 7,200 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้รวม 8,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% ซึ่งที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% ทุกปี โดยสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% ตั้งเป้าหมายภายใน 2 ปีจากนี้จะมีรายได้รวม 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนจากในประเทศ 65% และต่างประเทศ 35%”