โกลว์ พลังงานตั้งเป้าปีนี้กำไรก่อนอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีฯ โตขึ้น 5-10% จากปีก่อน 8.06 พันล้านบาท เนื่องจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน และโรงไฟฟ้าห้วยเหาะเดินเครื่องดีขึ้น ส่วนโรงไฟฟ้าโคเจนฯ ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงมีสเปรดแตะ 2.30 บาท/หน่วย ขณะที่ลูกค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบด้านการเมือง
นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีกำไรก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายได้หรือค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Normalized Net Profit) เติบโตขึ้น 5-10% จากปีก่อนอยู่ที่ 8.06 พันล้านบาท เนื่องจากปีนี้โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ขนาด 660 เมกะวัตต์ เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ดีขึ้นกว่าปีก่อน และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-ห้วยเหาะ ขนาด 150 เมกะวัตต์ก็กลับมาผลิตไฟฟ้าขายให้ กฟผ.อีกครั้ง หลังจากซ่อมเสาสายส่งแล้วเสร็จปลายเดือน ม.ค. 2557
ส่วนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและไอน้ำ (โคเจเนอเรชัน) ในปีนี้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1-2% เนื่องจากลูกค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่คิดเป็น 90% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าโคเจนฯ เป็นบริษัทปิโตรเคมี จึงไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ แต่ลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มยานยนต์คิดเป็น 10% พบว่ามียอดขายลดลงแล้ว 20% เนื่องจากรัฐไม่มีนโยบายรถยนต์คันแรกเหมือนปีก่อน ทำให้ยอดขายรถยนต์ปรับตัวลดลง แต่เชื่อว่าก็ส่งผลกระทบต่อรายได้บริษัทฯ ไม่มากนัก
นอกจากนี้ ส่วนต่างราคาค่าไฟกับต้นทุนถ่านหิน (สเปรด) ของโรงไฟฟ้าโคเจนฯ ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในปีนี้จะสูงขึ้นจากปีก่อน โดยล่าสุดสเปรดอยู่ที่ 2.30 บาท/หน่วย สูงกว่าสเปรดโรงไฟฟ้าโคเจนฯ ที่ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงเฉลี่ย 0.50 บาท/หน่วย เนื่องจากบริษัทได้ทำสัญญาซื้อถ่านหินล่วงหน้า 1 ปีในราคาที่ต่ำเฉลี่ย 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน ลดลงจากปีก่อนซื้อถ่านหินที่ 86 เหรียญสหรัฐ/ตัน รวมทั้งมีแนวโน้มที่เรกูเลเตอร์จะปรับค่าไฟ Ft ในปีนี้ขึ้นอีกทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้มากขึ้น
“ผลดำเนินงานไตรมาส 1/2557 ออกมาดีเมื่อเทียบจากไตรมาส 4/56 แต่ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนไม่ต่างกันมากนัก โดยบริษัทฯ คาดว่าไตรมาสแรกปีนี้จะมีผลดำเนินงานต่ำสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ในปีนี้ เพราะมีการหยุดซ่อมโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน 2 สัปดาห์ และโรงไฟฟ้าห้วยเหาะเพิ่งกลับมาเดินเครื่องผลิตไฟในเดือน ก.พ.นี้ ทำให้ผลดำเนินงานไตรมาส 2-4/587 จะดีกว่านี้อีก”
นายสุทธิวงศ์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ ยังไม่มีแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติม แต่ก็ยังมีศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าที่ สปป.ลาวอยู่ 2-3 โครงการแต่ยังไม่มีข้อสรุป ส่วนในประเทศก็ยังศึกษาเช่นกัน หากรัฐประกาศรับซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่ใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน (ไอพีพีรอบใหม่) บริษัทฯ ก็พร้อมที่จะประมูล เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่แล้ว และแนวโน้มราคาถ่านหินใน 10 ปีข้างหน้าแม้ว่าราคาถ่านหินขยับขึ้นแต่คงไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ในปีนี้บริษัทฯ เน้นคืนหนี้เพื่อลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงเหลือระดับ 1 เท่าจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 เท่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการลงทุนอนาคต รวมทั้งได้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทหรือเทียบเท่า โดยยกเลิกวงเงินออกหุ้นกู้คงเหลือ 2,945 พันล้านบาทที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติเมื่อปี 2553 เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการระดมทุน โดยยังมีการออกหุ้นกู้ในปีนี้
“ในระยะสั้น 1-2 ปีนี้บริษัทฯ จะไม่มีการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเข้ามา แต่หลังจากนั้นจะหาโครงการใหม่ทั้งในไทยและลาวเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความเติบโต ทำให้ปีนี้ยังไม่ต้องใช้เงินในการลงทุนโครงการใหม่ จึงเน้นการคืนหนี้เป็นหลัก ซึ่งบริษัทฯ เตรียมเงินที่จะชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดในปีนี้เรียบร้อยแล้ว”
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ไม่เกิน 500 ล้านบาท เนื่องจากมีเพียงโรงไฟฟ้าโกลว์ ไอพีพี เพียงโรงเดียวที่เข้าการเช่า ทำให้ต้องบันทึกรายได้ตามมาตรฐานบัญชีใหม่
ผลการดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้รวม 6.97 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน และมีกำไรก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายได้หรือค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Normalized Net Profit) ซึ่งใช้เป็นแนวทางกำหนดจ่ายเงินปันผล 8.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 58.7%