xs
xsm
sm
md
lg

CKP เตรียมพร้อมรุกโซลาร์ฟาร์ม-SPP เพิ่ม คาดรัฐเปิดรับซื้อไฟรอบใหม่กลางปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “ซีเค พาวเวอร์” ลั่นพร้อมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 8 โรง โรงละ 120 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 100 เมกะวัตต์ หากรัฐไฟเขียวรับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนหลังประกาศแผน PDP ใหม่ปีหน้า ส่วนต่างประเทศก็เล็งลงทุนในลาวและเมียนมาร์ โดยจะเน้นลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ลั่นปีหน้าโกยรายได้โต 20% จากปีนี้ 5.7 พันล้านบาท

นางสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) เพิ่มอีก 8 โรง โรงละ 117-120 เมกะวัตต์ตามแนวท่อส่งก๊าซฯ คาดว่ารัฐจะประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนขนาดเล็ก (SPP) ได้ในช่วงครึ่งแรกปี 2557 หลังจากประกาศแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ใหม่ปี 2014-2034 โดยจะใช้เงินลงทุนโครงการละ 5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจากับ บมจ.ปตท.ในการซื้อก๊าซฯ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟโรงไฟฟ้า SPP ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย( กฟผ.) จำนวน 2 โครงการ โครงการละ 90 เมกะวัตต์ในนิคมฯ บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และยังมีพื้นที่รองรับการขยายโรงไฟฟ้า SPP ได้เพิ่มอีก 2 โรงหากรัฐเปิดรับซื้อไฟเพิ่มเติม ส่วนโรงไฟฟ้า SPP อีก 6 โครงการนั้นจะอยู่ในนิคมฯ หรือใกล้นิคมบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงหนือ

ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง โคเจนเนอเรชั่น (BIC1) มีกำลังผลิต 117 เมกะวัตต์ ได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ มิ.ย.ที่ผ่านมา และปีหน้าจะดำเนินการหาผู้รับเหมาและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง โคเจนฯ เฟส 2 อีก 117 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจ่ายไฟเข้าระบบในเดือน มิ.ย. 2560 ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าในนิคมฯ บางปะกงแสดงความจำนงที่จะรับซื้อไฟฟ้าที่เหลือจากการขายให้ กฟผ.เกือบครบจำนวนแล้ว

ส่วนการหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ทั้ง 8 โครงการนั้น หากเป็นประโยชน์ก็พร้อมที่จะเจรจา เนื่องจากเงินลงทุนโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 8 โครงการจะใช้เงินสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีหลายรายเข้ามาเจรจากับบริษัทฯ อยู่และยังเร็วเกินไปที่จะสรุป แต่ยืนยันว่าบริษัทฯ จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโครงการเหล่านี้

นางสุภามาสกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังมีความสนใจที่จะลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มเพิ่มเติม หากรัฐมีการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในอนาคตด้วย โดยบริษัทฯ มีทำเลที่จะสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มได้อีก 100 กว่าเมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 6 พันล้านบาท ส่วนจะเริ่มโครงการได้เมื่อไรนั้นคงขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว และเมืยนมาร์เพิ่มอีก 1 พันเมกะวัตต์ นอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำงึม 2 กำลังการผลิต 615 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าน้ำบาก กำลังผลิต 160 เมกะวัตต์ ที่ปีหน้าจะเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้ สปป.ลาวและก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ โครงการฝายน้ำล้นไชยะบุรี ขนาด 1,285 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เนื่องจากทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำได้อีกมาก

อย่างไรก็ตาม งบการลงทุน 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาทในการพัฒนาโรงไฟฟ้าบางปะกงฯ เฟส 2 และโรงไฟฟ้าน้ำบาก ยังไม่รวมเงินลงทุนโครงการไชยะบุรี โดย 5 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 800 กว่าเมกะวัตต์เป็น 2 พันกว่าเมกะวัตต์ หรือเฉลี่ยโตปีละ 20%

นางสุภามาสกล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2557 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการโตของรายได้ปีหน้า 20% จากปีนี้ที่มีรายได้ประมาณ 5.7 พันล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าบางปะกงฯ 1 เต็มปี และโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 น่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีมาก และมีอัตรากำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อมและดอกเบี้ย (EBITDA MARGIN) อยู่ที่ 60% ลดลงจากปีนี้ที่เฉลี่ย 70% เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกงฯ และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างหนี้ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำงึม 2
กำลังโหลดความคิดเห็น