สถาบันก่อสร้างฯ อาศัยจังหวะเศรษฐกิจขาลง เร่งเครื่องยกระดับเอกชนรายกลางและเล็กโดยเฉพาะผู้ประกอบการรับก่อสร้างบ้านให้ผ่านมาตรฐาน ISO 9000 ปีนี้ตั้งเป้า40 รายหวังให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเริ่มตระหนักมาตรฐานด้านก่อสร้าง พร้อมควงเอกชนไทย 17 รายบุกดูลู่ทางลงทุนที่”ภูฎาน” 21-26 เม.ย.นี้ รับปีนี้อุตฯก่อสร้างไปไม่ถึงฝันล้านล้านบาท รอการเมืองชัดจึงจะประเมินทิศทางได้
นายจักรพร อุ่นจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันก่อสร้างแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อยู่ในช่วงภาวะชะลอตัวสถาบันฯจึงอาศัยช่วงจังหวะนี้เร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการก่อสร้างโดยเฉพาะขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ที่เป็นกลุ่มรับสร้างบ้านให้ได้รับมาตรฐานบริหารงานคุณภาพหรือ ISO 9000 ซึ่งปีนี้วางเป้าหมายที่จะผลักดันให้ได้ 40 ราย ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้บริการมากขึ้นในอนาคต
“ขณะนี้รายใหญ่ๆ นั้นได้ ISO 9000 แล้วแต่เอสเอ็มอียังไม่มีเราจึงอาศัยช่วงนี้ให้ทีมที่ปรึกษาลงไปดูและจะเร่งดำเนินการให้ได้ประมาณ 40 รายในปีนี้และจะขยายเพิ่มไปเรื่อยๆ และจุดนี้ต่อไปเราก็จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้บริโภคได้ตระหนักถึง ISO 9000 ในกลุ่มรับสร้างบ้านซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ก่อสร้างและผู้บริโภคเองที่จะมีเครื่องการันตีคุณภาพซึ่งขณะนี้ภาคก่อสร้างยังไม่ได้ตื่นตัวนักในเรื่องนี้ต่างจากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ “นายจักรพรกล่าว
นอกจากนี้สถาบันฯยังส่งเสริมให้ภาคก่อสร้างฯของไทยมองหาลู่ทางการลงทุนยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นโดยเบื้องต้นได้มองไปยังประเทศภูฎานหลังจากที่ภาคก่อสร้างของภูฎานทั้งรัฐและเอกชนได้เดินทางมาศึกษางานภาคก่อสร้างในไทยและสนใจในการหาพันธมิตรไปลงทุนที่ภูฎาน ล่าสุดตัวแทนจากสถาบันฯ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และภาคเอกชนของไทยทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอีรวม 17 บริษัทเช่น เครือSCG ดิเอ็มเพอเร่อเฮาส์ ทีมกรุ๊ป เป็นต้น จะเดินทางไปศึกษาการลงทุนและจับคู่ธุรกิจที่ภูฎานระหว่าง 22-26 เมษายนนี้
“ครั้งนี้เราจะไปหารือร่วมกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับภาคก่อสร้าง และภาคเอกชนของทางภูฎาน รวมถึงหน่วยงานด้านการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศของภูฎานเพื่อที่จะหาพันธมิตรร่วมทุนกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางภูฎานมาดูงานที่ไทยโดยเฉพาะที่ SCG ก็พบว่าเติบโตมาจากการผลิตปูนซิเมนต์แล้วขยายตัวการลงทุนอื่นๆ โดยภูฎานเองก็มีโรงปูนอยู่จึงสนใจแนวทางการทำธุรกิจของ SCG มากและก็เห็นว่าภาคเอกชนของไทยมีศักยภาพและมีคุณภาพเขาจึงเห็นว่าน่าจะเป็นพันธมิตรที่ดี และตอนนี้บ้านเมืองของเขากำลังขยายตัวเรื่องท่องเที่ยวทำให้มีการก่อสร้างที่อยู่อาศัย โรงแรม รวมถึงระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ค่อนข้างสูง”นายจักรพรกล่าว
สำหรับแนวโน้มภาคก่อสร้างของไทยปี 2557 ยอมรับว่าปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจและการเมืองทำให้การก่อสร้างโดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ มีการชะลอตัว เช่นเดียวกับภาคการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ ส่งผลให้โครงการใหม่ๆ ยังไม่เกิดขึ้นเนื่องจากต้องรอดูทิศทางการเมืองให้ชัดเจนก่อน ขณะที่โครงการเดิมที่ลงทุนไปแล้วก็ยังคงดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตามในปี 2556 เคยตั้งเป้าหมายที่จะมีการลงทุนในอุตฯก่อสร้างระดับ 1 ล้านล้านบาทแต่ก็ไม่ถึงเป้าหมายดังนั้นปีนี้เป้าหมายดังกล่าวยิ่งเป็นไปได้ยากแต่จะเป็นระดับใดนั้นยังไม่สามารถจะประเมินได้เนื่องจากจะต้องพิจารณาทิศทางการเมือง และงบประมาณจากภาครัฐที่จะเข้ามาดำเนินการในเรื่องของเมกะโปรเจ็กต์ว่าจะเป็นอย่างไร