“คังเซน” ขายตรงสัญชาติไทยแท้สยายปีกต่างประเทศต่อเนื่อง ปีนี้เร่งสรุปผลเจรจาร่วมทุนผุดสำนักงานที่ “อินเดีย-ปากีสถาน” หลังจากปีที่แล้วขยายเพิ่มในประเทศเดิม พร้อมลงทุน 300 ล้านบาท ผุดอาคารหลังใหม่รองรับการขยายตัว มั่นใจปีนี้เติบโต 10%
นายอิทธิศักดิ์ อำพันยุทธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท คังเซน–เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้นอีก ต่อเนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ได้ขยายไปมากแล้ว โดยยังคงเน้นตลาดเอเชียเป็นหลักก่อน เนื่องจากตลาดต่างประเทศเป็นโอกาสและเป็นตลาดใหญ่ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าการที่จะเน้นตลาดไทยที่เดียว ซึ่งทุกวันนี้ตลาดในไทยแม้ว่าจะยังคงเป็นตลาดหลักของเรา แต่ก็ถือว่าภาพรวมของตลาดขายตรงได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปีนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางพันธมิตรท้องถิ่นใน 2 ประเทศที่จะลงทุนร่วมกันในการก่อตั้งสำนักงานสาขาเพื่อทำธุรกิจขายตรงในอีก 2 ประเทศใหญ่คืออินเดียและปากีสถาน คาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากที่ปีที่แล้วได้ขยายในต่างประเทศที่เป็นตลาดเดิมแต่เพิ่มสาขามากขึ้น เช่น พม่ากับลาว เนื่องจากธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดี
สาเหตุที่บริษัทฯ ให้ความสนใจตลาดใหม่ 2 ประเทศอย่างอินเดียกับปากีสถานนั้น เนื่องจากว่าเป็นประเทศใหญ่มีจำนวนประชากรมากโดยเฉพาะที่อินเดีย และเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากไทยเท่าใดนัก รวมทั้งประชากรก็มีกำลังซื้อด้วย ขณะที่ตลาดรวมก็ยังมีช่องว่างที่จะแทรกตลาดได้อีก
ปัจจุบัน “คังเซน” มีธุรกิจในต่างประเทศหลายแห่งแล้ว เช่น อินโดนีเซียทำมา 16 ปี มีสำนักงานมากกว่า 50-60 สาขาแล้ว พม่าเปิดมา 9 ปีแล้ว ลาวเปิดมา 7 ปีมี 7 สาขา กัมพูชามี 2 สาขา เวียดนามมี 2 สาขา ซึ่งทั้งหมดเป็นการนำสินค้าจากไทยเข้าไปจำหน่ายที่ผลิตโดยโรงงานของบริษัทเองที่ถนนอ่อนนุช และมีสินค้าที่จ้างโรงงานอื่นผลิต หรือโออีเอ็มอีกด้วย รวมทั้งจากฐานผลิตอีกแห่งที่ไต้หวันด้วยที่บริษัทฯ ร่วมทุนกับชาวไต้หวันเปิดดำเนินการผลิตมาได้ 3 ปีแล้ว
โมเดลที่บริษัทฯ รุกตลาดต่างประเทศนั้นจะใช้โมเดลเดิมที่ทำมาอยู่แล้วคือ กาาร่วมทุนกับกลุ่มทุนท้องถิ่นซึ่งจะมีความรู้และข้อมูลและความเชี่ยวชาญในประเทศของตัวเองอยู่แล้ว โดยบริษัทฯ จะเอาความเชี่ยวชาญในธุรกิจขายตรงและคุณภาพของตัวสินค้าเข้าไปทำตลาด ถือว่าเป็นการอาศัยจุดแข็งของทั้งคู่ในการรุกธุรกิจ
นายอิทธิศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับในตลาดประเทศไทยนั้นก็จะมีการรุกตลาดต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งปีนี้ถือว่าจะเป็นปีที่รุกตลาดอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากที่ช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ไปเน้นตลาดต่างประเทศมาก และเป็นช่วงการเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 ด้วย ซึ่งปีนี้จะมีการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง มีการเพิ่มบุคลากรนักธุรกิจอิสระ มีการขยายสาขา
นอกจากนี้ ในปีนี้ยังวางแผนที่จะลงทุนอีกประมาณ 250-300 ล้านบาทในการก่อสร้างอาคารสำนักงานอีก 1 อาคารในพื้นที่เดิมที่มีทั้งหมด 6 ไร่ ที่ถนนกรุงเทพกรีฑา ซึ่งเดิมใช้ไปแล้ว 3 ไร่ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานหลังแรกเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งยังเหลืออีก 3 ไร่เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะมียอดรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 5-10% เป็นปกติ หรือมียอดขายประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายรวมยังทรงตัวไม่ได้เติบโตมากนัก เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ ส่วนรายได้จากต่างประเทศยังมีสัดส่วนน้อยอยู่แต่มีการเติบโตที่สูงมาก
นายอิทธิศักดิ์ อำพันยุทธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท คังเซน–เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้นอีก ต่อเนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ได้ขยายไปมากแล้ว โดยยังคงเน้นตลาดเอเชียเป็นหลักก่อน เนื่องจากตลาดต่างประเทศเป็นโอกาสและเป็นตลาดใหญ่ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าการที่จะเน้นตลาดไทยที่เดียว ซึ่งทุกวันนี้ตลาดในไทยแม้ว่าจะยังคงเป็นตลาดหลักของเรา แต่ก็ถือว่าภาพรวมของตลาดขายตรงได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปีนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางพันธมิตรท้องถิ่นใน 2 ประเทศที่จะลงทุนร่วมกันในการก่อตั้งสำนักงานสาขาเพื่อทำธุรกิจขายตรงในอีก 2 ประเทศใหญ่คืออินเดียและปากีสถาน คาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากที่ปีที่แล้วได้ขยายในต่างประเทศที่เป็นตลาดเดิมแต่เพิ่มสาขามากขึ้น เช่น พม่ากับลาว เนื่องจากธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดี
สาเหตุที่บริษัทฯ ให้ความสนใจตลาดใหม่ 2 ประเทศอย่างอินเดียกับปากีสถานนั้น เนื่องจากว่าเป็นประเทศใหญ่มีจำนวนประชากรมากโดยเฉพาะที่อินเดีย และเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากไทยเท่าใดนัก รวมทั้งประชากรก็มีกำลังซื้อด้วย ขณะที่ตลาดรวมก็ยังมีช่องว่างที่จะแทรกตลาดได้อีก
ปัจจุบัน “คังเซน” มีธุรกิจในต่างประเทศหลายแห่งแล้ว เช่น อินโดนีเซียทำมา 16 ปี มีสำนักงานมากกว่า 50-60 สาขาแล้ว พม่าเปิดมา 9 ปีแล้ว ลาวเปิดมา 7 ปีมี 7 สาขา กัมพูชามี 2 สาขา เวียดนามมี 2 สาขา ซึ่งทั้งหมดเป็นการนำสินค้าจากไทยเข้าไปจำหน่ายที่ผลิตโดยโรงงานของบริษัทเองที่ถนนอ่อนนุช และมีสินค้าที่จ้างโรงงานอื่นผลิต หรือโออีเอ็มอีกด้วย รวมทั้งจากฐานผลิตอีกแห่งที่ไต้หวันด้วยที่บริษัทฯ ร่วมทุนกับชาวไต้หวันเปิดดำเนินการผลิตมาได้ 3 ปีแล้ว
โมเดลที่บริษัทฯ รุกตลาดต่างประเทศนั้นจะใช้โมเดลเดิมที่ทำมาอยู่แล้วคือ กาาร่วมทุนกับกลุ่มทุนท้องถิ่นซึ่งจะมีความรู้และข้อมูลและความเชี่ยวชาญในประเทศของตัวเองอยู่แล้ว โดยบริษัทฯ จะเอาความเชี่ยวชาญในธุรกิจขายตรงและคุณภาพของตัวสินค้าเข้าไปทำตลาด ถือว่าเป็นการอาศัยจุดแข็งของทั้งคู่ในการรุกธุรกิจ
นายอิทธิศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับในตลาดประเทศไทยนั้นก็จะมีการรุกตลาดต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งปีนี้ถือว่าจะเป็นปีที่รุกตลาดอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากที่ช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ไปเน้นตลาดต่างประเทศมาก และเป็นช่วงการเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 ด้วย ซึ่งปีนี้จะมีการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง มีการเพิ่มบุคลากรนักธุรกิจอิสระ มีการขยายสาขา
นอกจากนี้ ในปีนี้ยังวางแผนที่จะลงทุนอีกประมาณ 250-300 ล้านบาทในการก่อสร้างอาคารสำนักงานอีก 1 อาคารในพื้นที่เดิมที่มีทั้งหมด 6 ไร่ ที่ถนนกรุงเทพกรีฑา ซึ่งเดิมใช้ไปแล้ว 3 ไร่ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานหลังแรกเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งยังเหลืออีก 3 ไร่เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะมียอดรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 5-10% เป็นปกติ หรือมียอดขายประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายรวมยังทรงตัวไม่ได้เติบโตมากนัก เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ ส่วนรายได้จากต่างประเทศยังมีสัดส่วนน้อยอยู่แต่มีการเติบโตที่สูงมาก
