“กิฟฟารีน” สยายปีกตะวันออกกลาง ชูโมเดลใหม่แต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์เปิดร้านค้าปลีกเสริมทัพตลาดต่างประเทศที่มีโมเดลขายตรงอยู่แล้ว นำร่องดูไบ ก่อนลุยต่อซาอุดีอาระเบีย ส่วนตลาดขายตรงในไทยยอมรับปีนี้ปัญหาเพียบ รายได้บริษัทฯ โตต่ำเป้า
แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงของไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้เริ่มขยายตลาดต่างประเทศในแบรนด์ของกิฟฟารีนโดยตรงในรูปแบบของการตลาดค้าปลีกหรือรีเทลที่ไม่ใช่เป็นการทำขายตรงแล้วในตลาดตะวันออกกลาง เพื่อเป็นการย้ายฐานต่างประเทศ จากเดิมที่เป็นรูปแบบการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในนามของโรงงานของเราเองที่เป็นผู้ผลิตกับรูปแบบของการทำตลาดขายตรง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มทำตลาดแบบรีเทลครั้งแรกที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยการตั้งดิสทริบิวเตอร์รับผิดชอบ เริ่มเปิดร้านแล้วที่ดูไบ และอาบูดาบี แลเตรียมที่จะขยายรูปแบบรีเทลนี้ไปยังประเทศอื่นอีก เช่น ซาอุดีอาระเบียในปีหน้า ซึ่งรูปแบบจะเปิดเป็นร้านรีเทลชอปกิฟฟารีนสแตนด์อะโลนไม่เปิดในศูนย์การค้า
“นโยบายของกิฟฟารีนคือ ถ้าเป็นตลาดที่ไกลจากประเทศไทยมากๆ เราก็คงใช้กลยุทธ์การแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์เปิดรีเทล ส่วนประเทศที่อยู่ใกล้ไทยเราก็จะทำตลาดแบบขายตรงเหมือนในไทย”
การขยายตลาดในรูปแบบรีเทลนี้จะทำให้สินค้าของกิฟฟารีนมีโอกาสในการจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในตะวันออกกลางนั้นถือเป็นตลาดที่ผู้คนมีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการสินค้าประเภทอาหารเสริมและสกินแคร์มากเหมือนกัน รวมทั้งแบรนด์กิฟารีนก็เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนตะวันออกกลางแล้วด้วย
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของกิฟฟารีนที่มาจากในประเทศไทยมี 90% และต่างประเทศ 10% ทั้งนี้ เมื่อมีการขยายมากขึ้นจะทำให้สัดส่วนต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากฐานรายได้รวมที่เติบโตขึ้นเช่นกัน ตลอด 17 ปีของกิฟฟารีนที่ผ่านมามียอดรายได้สะสมรวมกว่า 57,000 ล้านบาทแล้ว
สำหรับตลาดในไทยนั้น ปีนี้ก็ยังมีการลงทุนที่มากต่อเนื่อง ทั้งการเปิดศูนย์ธุรกิจใหม่เช่นที่มีนบุรี มหาชัย รวมทั้งการซื้อศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่นวนคร รวมลงทุนมากกว่า 200-300 ล้านบาท ปัจจุบันมีศูนย์ธุรกิจในไทยรวมประมาณ 113 สาขา และในต่างประเทศอีกมากกว่า 30 สาขา และมีการเปิดบริการดีลิเวอรีส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคลูกค้าทั่วประเทศด้วย
ล่าสุดกิฟฟารีนได้ลงทุน 10 ล้านบาทในการพัฒนาและเปิดตัวสติกเกอร์ไลน์ คู่ซี้ “กิฟฟี่ และกิฟฟิน” เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดและสร้างสัมพันธภาพกับผู้บริโภคผ่านไอคอนแสดงอารมณ์พร้อมคำพูด จำนวน 16 แบบ เปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรีวันที่ 12 ธ.ค. 56-ม.ค. 57 และสามารถเพิ่มบัญชีที่เป็นทางการในการรับข้อมูลข่าวสารเป็นเวลา 1 ปีเพื่อขยายตลาดไปยังคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ในการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น คาดหวังว่าจะมีการดาวน์โหลดสติกเกอร์ไลน์ดังกล่าวเกิน 1 ล้านดาวน์โหลด
สำหรับผลประกอบการในปีนี้คาดว่ารายได้รวมอาจจะทำได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีเดิมที่ 7-10% แต่ก็ยังเติบโตใกล้เคียงกับตลาดรวมที่มีประมาณ 5-7% อันเนื่องมาจากผลกระทบจากปัญหาหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัด กำลังซื้อที่ลดลงจากโครงการรถคันแรก บ้านหลังแรก และยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้นจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงไตรมาสที่สี่นี้ แต่คาดว่าในปีหน้าตลาดรวมขายตรงน่าจะเติบโตประมาณ 5-7%