ก.อุตฯ เผยเตรียมเสนอรายชื่อบอร์ดบีโอไอให้นายกฯ เซ็นภายใน เม.ย.นี้ หวังเดินหน้าประชุมอนุมัติโครงการค้างท่อ 400 โครงการมูลค่ากว่า 6.6 แสนล้านบาทหลังยุบสภาทำให้การพิจารณณาต้องหยุดชะงัก ขณะที่ยอดยื่นขอลงทุน 3 เดือนแรกปีนี้ 2 แสนล้านบาทได้อานิสงส์อีโคคาร์ 2 ช่วยต่อลมหายใจ ยันไม่ปรับเป้าหมายปีนี้วางไว้ 9 แสนล้านบาท
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้สามารถแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ชุดใหม่ได้หลังต้องหยุดดำเนินการตั้งแต่ พ.ย. 55 เนื่องจากยุบสภา หลังจากนี้คาดว่าบีโอไอจะเสนอรายชื่อไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้แต่งตั้งได้ภายใน เม.ย. และหลังจากนั้นจะเริ่มประชุมบอร์ดบีโอไอเพื่ออนุมัติโครงการที่ค้างมาตั้งแต่ พ.ย. 55 จนถึงปัจจุบัน 400 โครงการ มูลค่ากว่า 6.6 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาโครงการที่คั่งค้างภายใน 3-4 เดือน
“รายชื่อบอร์ดนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นไปโดยตำแหน่ง เช่น ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม คลัง พาณิชย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประธานหอการค้าไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นต้น ซึ่งต้องรอให้นายกฯ มีคำสั่งอีกครั้งเราหวังว่าหลังสงกรานต์น่าจะได้ จากนั้นจะเดินหน้าประชุมคณะอนุฯ บีโอไอและเสนอบอร์ดใหญ่อนุมัติโครงการที่ค้างพิจารณาโดยเร็ว” นายประเสริฐกล่าว
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) มีโครงการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนประมาณ 200 โครงการมูลค่าการลงทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวได้รวมโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์ระยะที่ 2) ที่มีจำนวนผู้ยื่นสนใจลงทุน 10 ราย มูลค่าการลงทุน 1.38 แสนล้านบาท รวมกำลังการผลิตรถยนต์ 1.58 ล้านคัน
“มูลค่าการลงทุนที่ยื่นขอฯ นั้นใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งยอมรับว่าได้อีโคคาร์ 2 มาช่วยพอสมควร อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการยื่นขอรับการส่งเสริมปี 2557 ยังคงวางไว้ตามเดิมที่ระดับ 9 แสนล้านบาท ซึ่งปัญหาทางการเมืองขณะนี้ไม่ได้ทำให้นักลงทุนฯ ที่ยื่นขอรายใดแจ้งขอยกเลิกการลงทุน มีเพียงบางรายที่ขอปรับโครงการให้สอดคล้องกับสถานการณ์” นายอุดมกล่าว
สำหรับอีโคคาร์ 2 นั้นมีส่วนสำคัญต่อการทำให้ไทยรักษาเป้าหมายการเป็นเบอร์หนึ่งในการผลิตรถยนต์ในอาเซียน และอนาคตคาดหวังว่าจะผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 5 ของโลกจากปัจจุบันเป็นอันดับ 9 โดยกิจการที่บีโอไอมองเป้าหมายที่จะส่งเสริมฯ เป็นพิเศษในอนาคตนนอกเหนือจากรถยนต์แล้วยังมองไปที่อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ซึ่งไทยมีความแข็งแกร่ง รองลงมาเป็นกิจการอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เป็นต้น