ขสมก.สั่งพักรถสาย 8 คันเกิดเหตุทับมอเตอร์ไซค์จนมีผู้เสียชีวิต เป็นเวลา 7 วัน และสั่งปรับผู้ประกอบการ 2,000 บาท เจอปัญหาไม่มีใบขับขี่รถสาธารณะ รอผลสอบสวนตำรวจ พบเป็นฝ่ายผิดโทษสูงสุดถูกเพิกถอนใบอนุญาต
นายนเรศ บุญเปี่ยม รักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงกรณีรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ สาย 8 เกิดอุบัติเหตุทับคนตาย บริเวณปากซอยลาดพร้าว 64 โดยนายนเรศ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตรวจพิเศษว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เวลา 20.30 น. เกิดอุบัติเหตุรถเมล์ร่วมบริการสาย 8 สีชมพู หมายเลขทะเบียน 13-7382 กทม. วิ่งระหว่างแฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ มีนายเหมือน ปรางประเสริฐ อายุ 32 ปี เป็นคนขับ ได้เกิดอุบัติเหตุทับคนเสียชีวิตที่ปากซอยลาดพร้าว 64 โดยผู้เสียชีวิตคือนายนพพล นาเมือง อายุ 15 ปี ถูกล้อหลังทับศีรษะ และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน ชื่อนายชยุต ดอนรัมย์ อายุ 15 ปี นำส่ง รพ.เปาโล โดยทั้ง 2 คนขี่จักรยานยนต์แล้วเกิดอุบัติเหตุบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ได้ข้อยุติถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุว่าใครประมาท ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าผู้เสียชีวิตจักรยานยนต์ล้มแล้วไถลเข้าไปใต้ท้องรถเมล์จนถูกล้อหลังทับจนเสียชีวิต แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าเกิดการเฉี่ยวชนกับใคร ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน
นายนเรศกล่าวว่า ในการดำเนินการของ ขสมก.ได้ทำการตรวจสอบประวัติของนายเหมือน พนักงานขับรถสาย 8 แล้วพบว่า นายเหมือนไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ มีเพียงใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล เมื่อสอบถามข้อเท็จจริงทราบว่า ผู้ประกอบการเพิ่งรับนายเหมือนเข้าทำงาน และมีกำหนดที่จะไปสอบใบขับขี่รถสาธารณะในวันที่ 24 มี.ค.นี้ แต่พนักงานขับรถขาดแคลนจึงให้นายเหมือนขึ้นขับรถก่อนจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบของ ขสมก. โดยมีความผิดทั้งผู้ประกอบการและพนักงานขับรถ เบื้องต้นได้สั่งพักรถคันดังกล่าวแล้วเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.เป็นต้นไป และได้สั่งปรับผู้ประกอบการเป็นเงิน 2,000 บาท
ส่วนกรณีอุบัติเหตุดังกล่าวจะต้องรอผลการสอบสวนจากตำรวจด้วย หากพบว่าอุบัติเหตุดังกล่าวนายเหมือนเป็นฝ่ายผิด ขสมก.จะพิจารณาโทษเพิ่ม โดยโทษสูงสุดคือเพิกถอนใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม ในเรื่องไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ นอกจากจะผิดระเบียบของ ขสมก.แล้ว ยังมีความผิดต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหลังจากนี้ ขสมก.จะส่งสายตรวจไปออกตรวจรถเมล์ร่วมบริการทุกคันว่าพนักงานขับรถมีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่เคยเจอกรณีนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นต้องเร่งตรวจสอบเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง นอกจากนี้ยังได้แจ้งให้ผู้ประกอบการรถร่วมเอกชน ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ ขสมก.ทุกราย ทำการส่งประวัติพนักงานประจำรถทุกคนให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ตรวจสอบด้วย