การบินไทยตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายปี 57 ลง 2 พันล้าน หารายได้เพิ่มจากธุรกินอื่น ดันรายได้โตจากปี 56 ประมาณ 3-4% “โชคชัย” มั่นใจมีกำไรไม่ขาดทุนซ้ำรอยแน่นอน ชี้ปัญหาการเมืองเริ่มนิ่ง เดินหน้าปรับการทำงาน รวมศูนย์ข้อมูล เร่งตัดสินใจรุกตลาดให้ทันกับพฤติกรรมลูกค้า
นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยังมั่นใจว่าผลประกอบการปี 2557 ของบริษัทจะมีกำไร โดยจะเร่งดำเนินการตามแผนธุรกิจปี 2557 ที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทแล้ว โดยมีเป้าหมายหลักๆ คือ ปรับลดค่าใช้จ่ายลงประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายรายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากรายได้ปี 2556 ที่มี 2.05 แสนล้านบาทประมาณ 3-4% โดยจะเร่งหารายได้เพิ่มจากธุรกิจอื่นนอกเหนือจากการขายตั๋วโดยสาร เช่น จากสินค้าปลอดภาษีบนเครื่อง (Duty on Board), สินค้าไทยชอป (Thai Shop), สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บนเครื่องบิน ซึ่งบริษัทยังมีรายได้น้อยมาก ขณะที่โดยเฉลี่ยของสายการบินทั่วไปจะมีรายได้จากธุรกิจส่วนนี้ประมาณ 5%
ทั้งนี้ สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวมากนักเหมือนช่วงเดือน พ.ย. 56-ก.พ. 57 ที่ผ่านมา เพราะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ รวมถึงยังมั่นใจว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับที่คาดหมายไว้ประมาณ 127-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ในไตรมาส 2 ของปี 2557 ซึ่งเป็นช่วง Low Season ยังไม่น่ากังวลมากนักและเชื่อว่าจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าไตรมาส 2 ของปี 2556 เนื่องจากบริษัทมีการปรับลดปริมาณเที่ยวบินให้สอดคล้องกับความต้องการโดยลดลงประมาณ 10% จากปกติ ส่วนกำลังการผลิตลดลงประมาณ 3-4% ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนและในภูมิภาคยังมีแนวโน้มที่ดี แม้ตลาดทางยุโรปจะลดลงก็ตาม ซึ่งบริษัทได้ออกโปรโมชันส่งเสริมการขายที่หลากหลายเพื่อรองรับไปถึงปิดเทอมและเทศกาลสงกรานต์
โดยช่วงไตรมาส 1/2557 มีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 72% เปรียบเทียบช่วงเดียวกันปี 2556 ที่มี Cabin Factor 76-78% ส่วนไตรมาส 2/2557 คาดว่าจะมี Cabin Factor เฉลี่ย 70% ซึ่งเป็นอัตราปกติของช่วง Low Season และไม่ใช่สิ่งที่จะบอกผลประกอบการของทั้งปี 2557
นายโชคชัยกล่าวยอมรับว่า ปัญหาสำคัญของการบินไทยที่ส่งผลให้ต้องประสบกับภาวะขาดทุนในปี 2556 ถึง 1.2 หมื่นล้านบาทคือ ไม่สามารถตัดสินใจได้ทันสถานการณ์และพฤติกรรมของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไข โดยกลยุทธ์ในปี 2557 จะมีการรวมศูนย์ข้อมูล โดยรวมบางหน่วยงาน ปรับกระบวนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น ตั้งแต่การคิด, ตัดสินใจ, ดำเนินการปฏิบัติ มีการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวดเร็ว ไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วค่อยมาวิเคราะห์ปรับแก้ ซึ่งหากรวบรวมข้อมูลได้เร็ว แม่นยำ การตัดสินใจจะรวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ประชุมบอร์ดการบินไทยได้เห็นชอบการปรับโครงสร้างบริษัทจากเดิมที่หน่วยงาน 15-16 หน่วยต้องขึ้นตรงต่อดีดี ให้เหลือ 9 หน่วยงาน และมอบหมายให้รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่รับผิดชอบหน่วยธุรกิจ (Business Unit) เช่น บริการภาคพื้น (Ground Service), การขนส่งสินค้า (Cargo), บริการอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Equipment) โดยฝ่ายบริหารและพนักงานต้องร่วมมือกันทำตามแผน
“จุดอ่อนหนึ่งของธุรกิจการบินคือต้องขายตั๋วล่วงหน้า ส่วนปัญหาคือ บริษัทปรับตัวได้ช้า ซึ่งฝ่ายบริหารได้เสนอยุทธศาสตร์ในปี 57 ต่อบอร์ดแล้ว โดยเป้าหมายหลักจะต้องปรับตัวให้รวดเร็วเพื่อตอบสนองลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วได้ทันเวลา, เพิ่มรายได้จากธุรกิจอื่น, ลดค่าใช้จ่ายและใช้การบินไทยควบคู่ไทยสมายล์ ซึ่งคาดหวังว่าไตรมาสที่ 3 และ 4 ปี 2557 ซึ่งเป็นช่วง High Season” นายโชคชัยกล่าว