ASTVผู้จัดการรายวัน- การบินไทยประกาศผลการดำเนินงานปี 2556 มีรายได้รวม 211,605 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 12,000 ล้านบาท เผยไตรมาส4/56 ทรุดหนัก เหตุปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ นักท่องเที่ยวจีนลด ฉุดอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 74.1% ลดลงจากปีก่อนที่มี76.6 % ส่วนCargo ยอดตกชี้ตลาดแข่งขันหนัก
นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2556 เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 211,605 ล้านบาท ขาดทุนก่อนอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีเงินได้(ไม่รวมผลขาดทุนจากด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน) จำนวน 3,608 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 4,662 ล้านบาท (หากไม่รวม สายการบินนกแอร์ กำไร 4,434 ล้านบาท) โดยมีผล ขาดทุนสุทธิ 12,000 ล้านบาท ขณะที่ ปี 2555 มีกำไรสุทธิ 6,510 ล้านบาท ซึ่งรวมผลขาดทุนที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานรวม 9,321 ล้านบาท ได้แก่ ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินเป็นจำนวน 5,426 ล้านบาท และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 3,895 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.52 บาท เปรียบเทียบกับปี 2555 ซึ่งมีกำไรต่อหุ้น 2.85 บาท
ซึ่งในปี 2556 อุตสาหกรรมการบินมีการเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การแข่งขันได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งจากการเข้าสู่ตลาดของสายการบินรายใหม่ๆ รวมทั้งสายการบินต่างๆ ได้รับมอบเครื่องบินใหม่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับบริษัทฯ ที่มีการรับมอบเครื่องบินใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์ โดยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารสูงกว่าปีก่อน 8.1% และมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสารสูงขึ้น 4.6 % แต่เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว ประเทศจีนได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายด้านการท่องเที่ยวฉบับใหม่ ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาทัวร์ต่างประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง และเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ จึงส่งผลให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารในไตรมาส 4 ลดลง โดยมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 74.1% ลดลงจากปีก่อนซึ่งเฉลี่ย 76.6 %
ด้านการขนส่งสินค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยตั้งแต่ปี 2554 รวมทั้งปริมาณการผลิตของพื้นที่ใต้ท้องเครื่องบินจากจำนวนเครื่องบินโดยสารของหลายสายการบินเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างรุนแรงขึ้น มีผลให้อัตราส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์เฉลี่ยลดลงจาก 54.2 % ในปี 2555 เป็น 51.1% ในปี 2556
นอกจากนั้น หากเปรียบเทียบกับปีก่อน การแข็งค่าของเงินบาทเป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อผลการดำเนินงาน เนื่องจากสัดส่วนรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราการเติบโตของรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย โดยณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 307,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2555 จำนวน 2,989 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.0 หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 250,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 จำนวน 15,888 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8 และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 56,919 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2555 จำนวน 12,899 ล้านบาท
นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2556 เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 211,605 ล้านบาท ขาดทุนก่อนอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีเงินได้(ไม่รวมผลขาดทุนจากด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน) จำนวน 3,608 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 4,662 ล้านบาท (หากไม่รวม สายการบินนกแอร์ กำไร 4,434 ล้านบาท) โดยมีผล ขาดทุนสุทธิ 12,000 ล้านบาท ขณะที่ ปี 2555 มีกำไรสุทธิ 6,510 ล้านบาท ซึ่งรวมผลขาดทุนที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานรวม 9,321 ล้านบาท ได้แก่ ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินเป็นจำนวน 5,426 ล้านบาท และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 3,895 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.52 บาท เปรียบเทียบกับปี 2555 ซึ่งมีกำไรต่อหุ้น 2.85 บาท
ซึ่งในปี 2556 อุตสาหกรรมการบินมีการเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การแข่งขันได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งจากการเข้าสู่ตลาดของสายการบินรายใหม่ๆ รวมทั้งสายการบินต่างๆ ได้รับมอบเครื่องบินใหม่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับบริษัทฯ ที่มีการรับมอบเครื่องบินใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์ โดยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารสูงกว่าปีก่อน 8.1% และมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสารสูงขึ้น 4.6 % แต่เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว ประเทศจีนได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายด้านการท่องเที่ยวฉบับใหม่ ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาทัวร์ต่างประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง และเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ จึงส่งผลให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารในไตรมาส 4 ลดลง โดยมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 74.1% ลดลงจากปีก่อนซึ่งเฉลี่ย 76.6 %
ด้านการขนส่งสินค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยตั้งแต่ปี 2554 รวมทั้งปริมาณการผลิตของพื้นที่ใต้ท้องเครื่องบินจากจำนวนเครื่องบินโดยสารของหลายสายการบินเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างรุนแรงขึ้น มีผลให้อัตราส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์เฉลี่ยลดลงจาก 54.2 % ในปี 2555 เป็น 51.1% ในปี 2556
นอกจากนั้น หากเปรียบเทียบกับปีก่อน การแข็งค่าของเงินบาทเป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อผลการดำเนินงาน เนื่องจากสัดส่วนรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราการเติบโตของรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย โดยณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 307,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2555 จำนวน 2,989 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.0 หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 250,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 จำนวน 15,888 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8 และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 56,919 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2555 จำนวน 12,899 ล้านบาท