xs
xsm
sm
md
lg

PF ลุยปั๊มยอดขาย 1.6 หมื่นล. สวนการเมืองร้อน ลุ้นครึ่งหลังเปิดครบ 20 โปรเจกต์หากสถานการณ์สงบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


PF เปิดแผนธุรกิจปี 2557 วางเป้าขาย 16,000 ล้าน ตั้งเป้ารายได้ 15,000 ล้าน เผยความกดดันทางเศรษฐกิจการเมืองส่งผลให้ปี 56 รายได้ต่ำกว่าเป้า เผยครึ่งปีแรกเปิดแค่ 4 โครงการ คาดหวังครึ่งปีหลังนี้น่าจะคลี่คลาย รอดูสถานการณ์โดยรวม ก่อนลุยเปิดให้ครบ 20 โครงการใหม่ในครึ่งหลัง มูลค่ารวม 23,185 ล้าน พร้อมควบคุมค่าใช้จ่าย ลดการลงทุนให้มาเหลือ 1,000 ล้านบาท เพื่อเป้าหมายสร้างอัตรากำไรที่ดีขึ้นในปีนี้

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่า เป็นปีที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญบททดสอบสำคัญอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว เป็นการชะลอตัวของอุปสงค์ หรือความต้องการซื้อในเกือบทุกด้าน ที่เริ่มแสดงอาการตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 อีกทั้งภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นได้บั่นทอนความเชื่อมั่น และกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่ความร้อนแรงทางการเมืองที่ปะทุขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งควรจะเป็นไตรมาสที่มียอดขายสูงสุด ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2556 ออกมาต่ำกว่าเป้าที่ตั้งเอาไว้โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 10,601 ล้านบาท ลดลง 22% เทียบกับปี 2555 ที่มียอดขาย 13,573 ล้านบาท โดยยอดขายของบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ลดลง 6% ขณะที่คอนโดมิเนียมลดลง 42% ซึ่งโดยรวมยังเป็นระดับที่น่าพอใจเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมา

โดยรายได้ในปี 2556 ยังคงมีการเติบโตอยู่ประมาณ 9% ทำได้ 9,470 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ที่มีรายได้ 8,670 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จากบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์จะลดลง 9% แต่รายได้จากคอนโดมิเนียมเติบโตสูงขึ้น 78% ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจหลักของบริษัทยังคงมีการเติบโตอยู่ที่ 3% นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ยูนิลอฟท์ ศาลายา ซึ่งเป็นหอพักนักศึกษา มูลค่า 514 ล้านบาท และมีการขายที่ดินมูลค่า 530 ล้านบาท ทำให้ยอดรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ระดับ 10,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตประมาณ 13% เมื่อเทียบกับปี 2555
 
“อย่างไรก็ดี เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนทั้งโครงการต่อเนื่อง และการเปิดโครงการใหม่ ทำให้ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในปี 2556 มีอัตราเพิ่มขึ้น เกิดความไม่สอดคล้องกัน (mismatch) ระหว่างรายได้ที่คาดว่าจะได้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น กับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท แม้ว่าจะมีการชะลอค่าใช้จ่ายในบางโครงการออกไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถที่จะดูดซับผลกระทบได้ทั้งหมด ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิยังอยู่ในระดับต่ำ”

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 16,000 ล้านบาท เป็นเป้าขายโครงการแนวราบ 9,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 6,500 ล้านบาท บริษัทยังรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองที่ได้กลายมาเป็นประเด็นหลักที่กดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยคาดว่าน่าจะคลี่คลายในครึ่งปีหลัง ดังนั้น ในครึ่งแรกของปี 2557 บริษัทจึงมีแผนจะเปิดโครงการใหม่เพียง 4 โครงการ มูลค่า 6,100 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และโครงการที่จังหวัดเชียงใหม่ และหัวหิน 2 โครงการ ก่อนจะลุยเปิดขายโครงการใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอีก 16 โครงการ มูลค่า 17,085 ล้านบาท โดยเป็นโครงการใหม่ 9 โครงการ และส่วนต่อขยายจากโครงการเดิม 7 โครงการ แยกเป็นบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ 9 โครงการ มูลค่า 7,620 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 9,465 ล้านบาท การมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มอีก 20 โครงการ พร้อมทั้งยังจะมีคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปีนี้เพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่าเกือบ 8,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ณ สิ้นปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายค้างโอน (backlog) จำนวน 7,803 ล้านบาท เป็นยอดที่สามารถรับรู้รายได้ในปี 2557 จำนวน 3,617 ล้านบาท แยกเป็นบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ 664 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2,953 ล้านบาท ในปี 2557 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 8,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 4,700 ล้านบาท ออกกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โครงการหอพักนักศึกษายูนิลอฟท์ เชียงใหม่ มูลค่า 500 ล้านบาท รวมถึงมีแผนขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทและที่ดินเปล่าด้วย ซึ่งขณะนี้แผนการขายมีความคืบหน้าค่อนข้างมากแล้ว ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนลดการลงทุนให้มาอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ลดงบด้านโฆษณาให้เหลือ 3% จากเดิม 4% ของยอดขาย และมีนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารด้วย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรของบริษัทในปีนี้

“ทั้งนี้ หวังว่าปัญหาต่างๆ น่าจะจบลงด้วยดี เพื่อบริษัทจะได้เดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการทั้งด้านยอดขาย รายได้ และกำไรที่ดีในปีนี้” นายชายนิดกล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น