“ไทยพาณิชย์” ยอมรับเศรษฐกิจฟุบกระทบธุรกิจบัตรเครดิต-บุคคล ลดเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตเหลือ 10% จากเดิม 16-17% ไม่เน้นอัดโปรฯ ทุ่มใช้จ่าย แต่จะเน้นใช้จ่ายตามความจำเป็น ขณะที่สินเชื่อบุคคลคุมเข้มเบรกปล่อยกู้เงินก้อน
น.ส.อารยา ภู่พานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)กล่าวว่า จากสภาวะแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ธนาคารต้องกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกัน โดยส่วนของธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ก็ได้ปรับลดเป้าหมายยอดใช้จ่ายผ่านบัตรลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 16-17% มาเป็น 10% จากสิ้นปี 2556 ที่มียอดประมาณ 200,000 ล้านบาท เป็น 220,000 ล้านบาทในปีนี้
ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากธนาคารจะเน้นการปล่อยสินเชื่อ และทำโปรโมชันด้วยความระมัดระวัง
“ปัจจัยที่ดูนั้นไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นปัจจัยทางการเมืองอย่างเดียว ดูหลายๆ อย่าง ทั้งหนี้ครัวเรือน การบริโภคชะลอตัวประกอบกันไป ซึ่งก็มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะชะลอเราก็เลยลดเป้าหมายด้วย สำหรับตอนนี้ปี 57 เพิ่งผ่านมา 2-3 สัปดาห์ยังดูอะไรไม่ได้มากนัก แต่สัปดาห์นี้เป็นช่วงตรุษจีน ก็คงจะเห็นภาพชัดมากขึ้นว่าจะชะลอมากหรือไม่ เพราะเป็นช่วงที่จะมีการจับจ่ายมาก”
น.ส.อารยา กล่าวอีกว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคารจะระดับบน (รายได้ 1 แสนขึ้นไปต่อเดือน) ซึ่งกลุ่มนี้จะมีความอ่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจน้อย ยังมียอดการใช้จ่ายที่ค่อนข้างปกติ ส่วนกลุ่มลูกค้าระดับกลาง (รายได้ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน) ก็จะเริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ยังไม่ชัดเจน โดยปกติยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยของกลุ่มนี้จะอยู่ที่ 7,000 บาทต่อเดือน
สำหรับยอดบัตรเครดิต ณ สิ้นปี 56 นั้นน่าจะอยู่ในระดับ 2 ล้านใบต้นๆ และในปีนี้ธนาคารก็คงจะไม่เน้นออกบัตรใหม่มากนัก แต่จะเน้นให้สิทธิประโยชน์ในการใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ในกลุ่มรักษาพยาบาล หรือกลุ่มการศึกษา เป็นต้น ขณะที่คุณภาพหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 0.97% จากทั้งระบบที่ 2.7%
ออกบัตรฯ เจาะกลุ่มสมาร์ท สเปนเดอร์
ล่าสุด ธนาคารได้เปิดตัว “บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ เอ็กซ์ตร้า แพลทินัม” เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ทำงานมาแล้วประมาณ 3-5 ปี มีรายได้ตั้งแต่ 15,000-35,000 บาท โดยยกระดับสิทธิประโยชน์ให้รับคะแนนสะสม 2 เท่า เมื่อใช้จ่ายตรงวัน ตรงหมวด เช่น วันจันทร์ หมวดแฟชั่น วันอังคาร หมวดเติมน้ำมัน วันพุธ หมวดซูเปอร์มาร์เกต วันพฤหัสบดี หมวดดูหนังฟังเพลง วันศุกร์ หมวดร้านอาหาร วันเสาร์ หมวดท่องเที่ยว และวันอาทิตย์ หมวดสปาและฟิตเนส เป็นต้น พร้อมรับความคุ้มครองกับประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในวงเงินสูงสุด 6 ล้านบาท โดยตั้งเป้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 1 แสนราย จากฐานลูกค้าปัจจุบันที่มีอยู่ 7 แสนรายในปีนี้
ด้านสินเชื่อบุคคลนั้น ก็จะมีความปล่อยกู้อย่างระมัดระวังเช่นกัน ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งกับธนาคารที่จะสามารถควบคุมคุณภาพหนี้ได้ ขณะที่ฝั่งลูกหนี้ก็จะอยู่ในภาวะที่ไม่มีหนี้ในจำนวนที่มากเกินไป โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารเพิ่มรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนเป็น 15,000 บาทมาตั้งแต่กลางปีก่อน วงเงินปล่อยสินเชื่อก็ลดลงจาก 80% เป็น 70% หรือต่ำกว่าตามรายได้ เป็นต้น ส่วนของลูกค้าเก่าก็มีการติดตามดูต่อเนื่อง หากลูกค้ารายไหนมีปัญหาธนาคารก็จะหารือเป็นรายๆ ไป
“ในส่วนสินเชื่อบุคคลถือว่าเราเข้มงวดค่อนข้างมาก อย่างเงินปล่อยกู้เป็นก้อนใหญ่นี่แทบจะไม่ปล่อยเลย จะให้ก็แต่ลูกค้าเก่าที่มีประวัติการชำระเงินดี เพราะเรารู้ว่าหากเศรษฐกิจไม่ดีเมื่อไหร่ตัวนี้จะโดนก่อนเป็นอย่างแรก แต่เอ็นพีแอลสินเชื่อบุคคลตอนนี้ก็อยู่ที่ 2% จากทั้งระบบที่ 3.7% ก็ถือว่ามียังมีคุณภาพดี เพราะเราเริ่มเข้มงวดมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว”