ปตท.สผ.ยันลงทุนโมซัมบิกโปร่งใส ไร้การเมืองแทรก

ปตท.สผ.ยันตัดสินใจลงทุนแหล่งปิโตรเลียมที่โมซัมบิก ไม่ได้ถูกชี้นำจากการเมืองแต่มาจากการศึกษาของเจ้าหน้าที่บริษัทฯ เอง และการประมูลซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นไปอย่างโปร่งใส

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า การเข้าไปลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่โมซัมบิกดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของ ปตท.สผ.ที่ศึกษาความเป็นไปได้และโอกาสที่จะลงทุน ซึ่งพบว่าเป็นแหล่งก๊าซฯ ขนาดใหญ่ ซึ่งผู้ลงทุนในขณะนั้นคือ Cove Energy Plc ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อังกฤษ ได้เปิดประมูลขายหุ้นดังกล่าวที่ถืออยู่ 8.5% ในโครงการ Offshore Rovuma Area1 โดยเชลล์ให้ความสนใจและเสนอราคาแข่งขันเช่นกัน เสนอราคาประมูลวันต่อวัน แต่ท้ายสุดเชลล์ตัดสินใจถอนตัว และ ปตท.สผ.จึงชนะประมูล

ยืนยันว่าการประมูลเป็นไปอย่างโปร่งใส ผ่านตลาดหลักทรัพย์ของอังกฤษที่มีกฎระเบียบชัดเจน และเมื่อมีการประเมินสินทรัพย์โดยผู้เชี่ยวชาญ ต่างให้ความเห็นว่าวงเงินที่ซื้อรวม 1,221.4 ล้านปอนด์เป็นวงเงินลงทุนที่เหมาะสม โดยภายหลังทางโครงการมีผู้ร่วมทุนขายหุ้นให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติอินเดีย ก็ซื้อในราคาที่สูงกว่า ปตท.สผ.

“ในช่วงทำการเสนอซื้อเมื่อปี 2555 มีอัตราส่วน Enterprise Value/recoverable resources ที่ประมาณ 0.41-0.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1,000 ลูกบาศก์ฟุต (ประมาณ 2.48-5.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ) โดยคำนวณจากปริมาณสำรองของก๊าซธรรมชาติในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิกที่ประมาณ 24-50 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต แต่ภายหลังพบว่าได้เพิ่มเป็น 60 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือสูงกว่าสำรองของไทยถึง 6 เท่า” นายเทวินทร์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการเตรียมการพัฒนาในปลายปีนี้ และจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562 ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาเรื่องการออกแบบการผลิตแอลเอ็นจี การหารือกับรัฐบาลโมซัมบิกในประเด็นกฎหมายการลงทุน การเตรียมหาสถาบันการเงินและจัดจ้างบุคคลที่สามมาศึกษาเรื่องปริมาณสำรองที่ชัดเจน อีกทั้ง ปตท.เองก็จะรับซื้อแอลเอ็นจีที่ผลิตได้จากแหล่งดังกล่าวในปริมาณ 2.6 ล้านตัน/ปี เพื่อทดแทนปริมาณก๊าซในอ่าวไทย