ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.สผ.แจงสว็อปพื้นที่โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี กับสแตทออยล์ ทำให้ปตท.สผ.ลดค่าใช้จ่ายเงินการลงทุน 5 ปีนี้ 2 พันล้านเหรียญ แลกกับปริมาณการผลิตและการขายปิโตรเลียมลดลง 2% มั่นใจพัฒนาแหล่ง Thornbury เฟสแรกได้ในปี 2562 มั่นใจกลางปีนี้มีความชัดเจนลงทุนโครงการเชลแก๊ส/เชลออยล์ในสหรัฐ
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯได้ลงนามสัญญาโอนสิทธิหน่วยลงทุนในห้างหุ้นส่วนร่วมกับสแตทออยล์ แคนาดา (SCL )เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างการถือสัดส่วนใน 5 พื้นที่โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี (KKD) โดยบริษัทฯจะถือหุ้น 100%ในแหล่ง 3 แหล่งทั้ง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer (THSL) โดยปตท.สผ.จะโอนหุ้น 40%ในแหล่ง Leismer และ Corner ให้กับสแตทออยล์ แคนาดาฯไปทั้งหมด ทำให้งบการลงทุนของปตท.สผ.ใน 5ปีข้างหน้าสำหรับโครงการออยล์ แซนด์ เคเคดี ลดลงไป 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่จะใช้เงินลงทุนประมาณ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เหลือเพียง 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐใน 5 ปีนี้
ทั้งนี้ แหล่ง THSL ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 610 ตารางกิโลเมตร บริษัทฯจะเริ่มดำเนินการสำรวจและพัฒนาแหล่ง THSL เมื่อการทำสัญญาดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ในเดือนพ.ค.นี้ โดยในปี 2557 บริษัทวางแผนจะเริ่มดำเนินการออกแบบทางวิศวกรรมขั้นต้น (Pre-FEED) สำหรับการผลิตในระยะแรกของแหล่ง Thornbury รวมไปถึงการเตรียมการสำรวจคลื่นไหวสะเทือน และการเตรียมการเจาะสำรวจในช่วงปี 2557 - 2558 คาดว่าแหล่ง Thornbury เฟสแรกจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562 ด้วยกำลังการผลิตน้ำมันหนักบิทูเมน 2หมื่นบาร์เรล/วัน
การสว็อปพื้นที่ระหว่างปตท.สผ.กับสแตทออยล์ครั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อยอดการผลิตปิโตรเลียมของปตท.สผ.ลดลงไปประมาณ 2% เนื่องจากแหล่ง Leismer มีการผลิตบิทูเมนอยู่แล้ว ส่งผลให้เป้าการขายปิโตรเลียมของปตท.สผ.ในปีนี้ที่ตั้งไว้ 3.37 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน ลดลงไปเล็กน้อย หรือจะไม่ลดลงเลยถ้ามีการซื้อแหล่งปิโตรเลียมใหม่เข้ามาเสริม
“ ในพื้นที่แหล่ง THSL ที่ปตท.สผ.จะถือหุ้น 100%นั้นได้มีการเจาะหลุมสำรวจไว้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังต้องสำรวจฯเพิ่มเติม การตัดสินใจสว็อปพื้นที่กันนี้ เนื่องจากปตท.สผ.ต้องการเป็นผู้ดำเนินการ (Operator)เองดีกว่า หลังจากเข้าถือหุ้นและร่วมงานมา 2-3 ปีแล้ว ทำให้มั่นใจว่าจะหาสามารถพัฒนาแหล่งดังกล่าวได้ด้วยตนเอง เพราะที่ผ่านมา การบริหารงานโดยสแตทออยล์ประสบปัญหาการขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงแต่ราคาขายลดลง ส่วนการหาพันธมิตรใหม่เข้ามาถือหุ้นในโครงการนี้ ไม่รีบร้อน รอไปอีก 2 ปีเพราะบริษัทฯต้องการสำรวจเพิ่มเติมก่อน แต่ถึงช่วงต้องพัฒนาโครงการก็จะพิจารณาหาพาร์ทเนอร์อีกครั้งคงราวปี 2559 “
แหล่งข่าว ปตท.สผ. กล่าวถึงความคืบหน้าการซื้อกิจการHess ในไทยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มHess คาดว่าดีลการเจรจาซื้อกิจการHess ในไทยที่ถือหุ้นอยู่ในแหล่งสินภูฮ่อม และแหล่งไพลิน จะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือนนี้ หลังจากนั้นปตท.สผ.ก็จะรุกการเข้าลงทุนแหล่งผลิตน้ำมันและก๊าซในชั้นหินดินดาน (SHALE GAS/SHALE OIL) ที่สหรัฐฯ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ คาดว่าจะมีความชัดเจนในกลางปีนี้ โดยจะถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20 %
ส่วนแปลง Rovuma Offshore Area 1 ที่โมซัมบิก ซึ่งปตท.สผ.ถือหุ้นอยู่ 8.5% นั้น ล่าสุดปตท.เห็นชอบการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากโครงการดังกล่าวแล้ว 2.65 ล้านตัน/ปี โดยจะเริ่มรับก๊าซ LNG ในปี 2562 ทำให้โครงการดังกล่าวมีความพร้อมด้านการตลาด และจะลงทุนพัฒนาเชิงพาณิชย์ต่อไป
ทั้งนี้ บริษัท PTTEP Canada Limited (PTTEPCA) บริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 40ในโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี กับบริษัทสแตทออยล์ แคนาดา จำกัด ซึ่งถือสัดส่วนร้อยละ 60 โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณ Athabasca รัฐAlberta ประเทศแคนาดา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,100 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 5 พื้นที่หลัก ได้แก่ Leismer, Corner, Thornbury, Hangingstone และ South Leismer
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 บริษัท PTTEPCA ได้ลงนามในสัญญา PURA กับสแตทออยล์ฯ เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือสัดส่วน ด้วยการแลกเปลี่ยนการถือสัดส่วนร้อยละ 40 ในแหล่ง Leismer และ Corner (LC) เพื่อได้มาซึ่งสัดส่วนร้อยละ 60 ในแหล่ง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer (THSL) รวมถึงเงินสดจำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินสดที่คำนวณจากเงินทุน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 จนกระทั่งวันที่สัญญามีผลสมบูรณ์ หรือประมาณ 235 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าสัญญาจะมีผลสมบูรณ์ในเดือนพ.ค. ทำให้ PTTEPCA จะถือสัดส่วนร้อยละ 100 และเป็นผู้ดำเนินการในแหล่ง THSL และจะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจากบริษัทสแตทออยล์ ในขณะที่บริษัทสแตทออยล์ ถือสัดส่วนร้อยละ 100 และเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งLC การแลกเปลี่ยนสัดส่วนในโครงการ KKD ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารและกลั่นกรองการลงทุน (portfolio management) เพื่อให้บริษัทฯสามารถบริหารแผนการลงทุนและได้ผลตอบแทนจากการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจภายใต้สภาพแวดล้อมของธุรกิจในปัจจุบัน
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯได้ลงนามสัญญาโอนสิทธิหน่วยลงทุนในห้างหุ้นส่วนร่วมกับสแตทออยล์ แคนาดา (SCL )เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างการถือสัดส่วนใน 5 พื้นที่โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี (KKD) โดยบริษัทฯจะถือหุ้น 100%ในแหล่ง 3 แหล่งทั้ง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer (THSL) โดยปตท.สผ.จะโอนหุ้น 40%ในแหล่ง Leismer และ Corner ให้กับสแตทออยล์ แคนาดาฯไปทั้งหมด ทำให้งบการลงทุนของปตท.สผ.ใน 5ปีข้างหน้าสำหรับโครงการออยล์ แซนด์ เคเคดี ลดลงไป 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่จะใช้เงินลงทุนประมาณ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เหลือเพียง 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐใน 5 ปีนี้
ทั้งนี้ แหล่ง THSL ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 610 ตารางกิโลเมตร บริษัทฯจะเริ่มดำเนินการสำรวจและพัฒนาแหล่ง THSL เมื่อการทำสัญญาดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ในเดือนพ.ค.นี้ โดยในปี 2557 บริษัทวางแผนจะเริ่มดำเนินการออกแบบทางวิศวกรรมขั้นต้น (Pre-FEED) สำหรับการผลิตในระยะแรกของแหล่ง Thornbury รวมไปถึงการเตรียมการสำรวจคลื่นไหวสะเทือน และการเตรียมการเจาะสำรวจในช่วงปี 2557 - 2558 คาดว่าแหล่ง Thornbury เฟสแรกจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562 ด้วยกำลังการผลิตน้ำมันหนักบิทูเมน 2หมื่นบาร์เรล/วัน
การสว็อปพื้นที่ระหว่างปตท.สผ.กับสแตทออยล์ครั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อยอดการผลิตปิโตรเลียมของปตท.สผ.ลดลงไปประมาณ 2% เนื่องจากแหล่ง Leismer มีการผลิตบิทูเมนอยู่แล้ว ส่งผลให้เป้าการขายปิโตรเลียมของปตท.สผ.ในปีนี้ที่ตั้งไว้ 3.37 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน ลดลงไปเล็กน้อย หรือจะไม่ลดลงเลยถ้ามีการซื้อแหล่งปิโตรเลียมใหม่เข้ามาเสริม
“ ในพื้นที่แหล่ง THSL ที่ปตท.สผ.จะถือหุ้น 100%นั้นได้มีการเจาะหลุมสำรวจไว้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังต้องสำรวจฯเพิ่มเติม การตัดสินใจสว็อปพื้นที่กันนี้ เนื่องจากปตท.สผ.ต้องการเป็นผู้ดำเนินการ (Operator)เองดีกว่า หลังจากเข้าถือหุ้นและร่วมงานมา 2-3 ปีแล้ว ทำให้มั่นใจว่าจะหาสามารถพัฒนาแหล่งดังกล่าวได้ด้วยตนเอง เพราะที่ผ่านมา การบริหารงานโดยสแตทออยล์ประสบปัญหาการขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงแต่ราคาขายลดลง ส่วนการหาพันธมิตรใหม่เข้ามาถือหุ้นในโครงการนี้ ไม่รีบร้อน รอไปอีก 2 ปีเพราะบริษัทฯต้องการสำรวจเพิ่มเติมก่อน แต่ถึงช่วงต้องพัฒนาโครงการก็จะพิจารณาหาพาร์ทเนอร์อีกครั้งคงราวปี 2559 “
แหล่งข่าว ปตท.สผ. กล่าวถึงความคืบหน้าการซื้อกิจการHess ในไทยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มHess คาดว่าดีลการเจรจาซื้อกิจการHess ในไทยที่ถือหุ้นอยู่ในแหล่งสินภูฮ่อม และแหล่งไพลิน จะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือนนี้ หลังจากนั้นปตท.สผ.ก็จะรุกการเข้าลงทุนแหล่งผลิตน้ำมันและก๊าซในชั้นหินดินดาน (SHALE GAS/SHALE OIL) ที่สหรัฐฯ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ คาดว่าจะมีความชัดเจนในกลางปีนี้ โดยจะถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20 %
ส่วนแปลง Rovuma Offshore Area 1 ที่โมซัมบิก ซึ่งปตท.สผ.ถือหุ้นอยู่ 8.5% นั้น ล่าสุดปตท.เห็นชอบการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากโครงการดังกล่าวแล้ว 2.65 ล้านตัน/ปี โดยจะเริ่มรับก๊าซ LNG ในปี 2562 ทำให้โครงการดังกล่าวมีความพร้อมด้านการตลาด และจะลงทุนพัฒนาเชิงพาณิชย์ต่อไป
ทั้งนี้ บริษัท PTTEP Canada Limited (PTTEPCA) บริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 40ในโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี กับบริษัทสแตทออยล์ แคนาดา จำกัด ซึ่งถือสัดส่วนร้อยละ 60 โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณ Athabasca รัฐAlberta ประเทศแคนาดา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,100 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 5 พื้นที่หลัก ได้แก่ Leismer, Corner, Thornbury, Hangingstone และ South Leismer
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 บริษัท PTTEPCA ได้ลงนามในสัญญา PURA กับสแตทออยล์ฯ เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือสัดส่วน ด้วยการแลกเปลี่ยนการถือสัดส่วนร้อยละ 40 ในแหล่ง Leismer และ Corner (LC) เพื่อได้มาซึ่งสัดส่วนร้อยละ 60 ในแหล่ง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer (THSL) รวมถึงเงินสดจำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินสดที่คำนวณจากเงินทุน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 จนกระทั่งวันที่สัญญามีผลสมบูรณ์ หรือประมาณ 235 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าสัญญาจะมีผลสมบูรณ์ในเดือนพ.ค. ทำให้ PTTEPCA จะถือสัดส่วนร้อยละ 100 และเป็นผู้ดำเนินการในแหล่ง THSL และจะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจากบริษัทสแตทออยล์ ในขณะที่บริษัทสแตทออยล์ ถือสัดส่วนร้อยละ 100 และเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งLC การแลกเปลี่ยนสัดส่วนในโครงการ KKD ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารและกลั่นกรองการลงทุน (portfolio management) เพื่อให้บริษัทฯสามารถบริหารแผนการลงทุนและได้ผลตอบแทนจากการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจภายใต้สภาพแวดล้อมของธุรกิจในปัจจุบัน
