xs
xsm
sm
md
lg

"ปตท.สผ."มั่นโต10% คาดราคาปิโตรไม่ขยับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปตท.สผ.ตั้งเป้ายอดขายปิโตรเลียมปีหน้าโต 10%จากปีนี้คาดยอดขายเฉลี่ยที่ 2.9 แสนบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ว่าโต 10% โดยปีหน้าจะมีปิรมาณปิโตรเลียมเพิ่มอีก 5 หมื่นบาร์เรล/วันจากแหล่งมอนทาราที่ออสเตรเลียและแหล่งซอติก้าที่พม่า ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยใกล้เคียงปีนี้ 66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เผยธ.ค.นี้รู้ผลการประมูลซื้อกิจการเฮสส์ทั้งในไทยและอินโดนีเซีย

นางสาวเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(PTTEP) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายการผลิตและขายปิโตรเลียมโตขึ้น 10%จากปีนี้ที่มีปริมาณการขายเฉลี่ยที่ 2.9 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน โดยจะมีปริมาณปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นอีก 5 หมื่นบาร์เรล/วัน โดยมาจากแหล่งมอนทารา ที่ออสเตรเลียที่จะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็น2.3-2.4 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปีนี้ที่ผลิตอยู่เพียง 3-4 พันบาร์เรล/วัน และโครงการซอติกาที่พม่าอีก 300 ล้านลบ.ฟุต/วัน หรือคิดเป็น 4.5 หมื่นบาร์เรล/วัน โดยเป็นของปตท.สผ.ตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 3.5 หมื่นบาร์เรล/วัน คาดว่าจะผลิตได้ในไตรมาส 1/2557 สำหรับโครงการอัลจีเรียจะเข้ามาปลายปี 2557 อีก 2 หมื่นบาร์เรล/วันจึงไม่ได้นับรวมอยู่ด้วย ส่วนราคาขายปิโตรเลียมจะใกล้เคียงปีนี้อยู่ที่ 66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หากราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับปริมาณการขายปิโตรเลียมปีนี้เฉลี่ยที่ 2.9 แสนบาร์เรล/วัน โตเพียง 6%จากปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่บริษัทฯเคยตั้งเป้ายอดขายปิโตรเลียมถึง 10% เนื่องจากแหล่งมอนทารา ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ล่าช้ากว่ากำหนด

ส่วนความคืบหน้าการเข้ายื่นประมูลซื้อกิจการกลุ่มบริษัท เฮสส์ ในไทยและอินโดนีเซีย คาดว่าในเดือนธันวาคมนี้จะรู้ผลผู้ชนะประมูล โดยปตท.สผ.ได้ยื่นประมูลซื้อกิจการเฮสส์ในไทยที่ถือหุ้นอยู่ในแหล่งสินภูฮ่อมและแหล่งไพลิน รวมทั้งซื้อกิจการเฮสส์ในอินโดนีเซียที่ถือหุ้นอยู่ในแปลงปางกาฮ์ และแหล่งนาทูนา บล็อก เอ หากชนะประมูลในครั้งนี้ ก็มีแหล่งเงินเพียงพอรองรับอยู่แล้ว โดยบริษัทฯยังคงมีนโยบายในการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A)แหล่งปิโตรเลียมที่มีการผลิตหรือใกล้ที่จะผลิตเชิงพาณิชย์อยู่แล้ว เน้นซื้อกิจการในไทยและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนเป็นหลัก โดยจะต้องมีผลตอบแทนการลงทุน (IRR)ระดับ 12-15% และไม่ทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)เกินกว่า 0.5 เท่า เพื่อรักษาอันดับเครดิตของบริษัทฯให้เท่ากับเครดิตของประเทศ

นางสาวเพ็ญจันทร์ กล่าวต่อไปว่า ในปีหน้าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โดยบริษัทฯมีความพร้อมด้านแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินจากการดำเนินงาน 4 พันล้านเหรียญสหรับ เงินสดในมืออีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากบริษัทต้องการเงินลงทุนเพิ่มเติมก็สามารถกู้จากสถาบันการเงินได้อีก 1.5-2 พันล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีD/E ต่ำอยู่แค่ 0.35 เท่า จากแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในปีหน้าคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้น บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้เพิ่มทั้งสกุลบาทและดอลลาร์สหรัฐ โดยจะออกหุ้นกู้สกุลบาท 1 หมื่นล้านบาท และหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้รีไฟแนนซ์หนี้ที่ครบกำหนดชำระในปีหน้าจำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐและส่วนหนึ่งใช้ในการลงทุนขยายงานในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น