xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ชี้ปีนี้กำไรหดเหลือ 9.7 หมื่นล้าน มั่นใจปีหน้ากลับมาแตะ 1 แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.ลั่นปีหน้าเห็นกำไรแตะ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง จากปีนี้คาดกำไรอยู่ที่ 9.7 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมาย ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากต้องรับภาระทั้ง NGV-LPG รวมทั้งผลกระทบจากโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 5 ถูกฟ้าผ่า ทำให้ต้องหยุดผลิตไปก่อนกลับมาผลิตอยู่ที่ 50% ส่วนผลดำเนินงานไตรมาส 4 นี้คาดว่าดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยปีหน้าคงเป้าผลิตถ่านหินที่ 9 ล้านตัน เหตุราคาไม่ดี

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ผลการดำเนินงานของ ปตท.จะมีกำไร 9.7 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.04 แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ต้องรับภาระการขาดทุนจากการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์ (NGV) และก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วตามปริมาณความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งผลกระทบจากโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 5 หยุดผลิตจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า แม้ว่าขณะนี้จะกลับมาเดินเครื่องจักรอีกครั้งคิดเป็น 50% ของกำลังการผลิต แต่กว่าจะกลับมาเดินเครื่องจักรได้เต็มที่ในช่วงไตรมาส 2-3/2557 ทำให้การรับรายได้จากธุรกิจก๊าซฯ ของ ปตท.และบริษัทย่อยลดลงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า ปตท.มั่นใจว่ามีกำไรกลับมาแตะระดับ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง หลัง ปตท.ไม่ต้องรับภาระอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มอีกต่อไป เนื่องจากรัฐได้ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน 50 สตางค์/กก. ตั้งแต่ 1 ก.ย. 2556 เพื่อให้ราคาก๊าซหุงต้มสะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง ทั้งนี้ ผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกปี 2556 ปตท.มีกำไรสุทธิ 7.92 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.19 หมื่นล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2556 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น ทั้ง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ที่มีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น ธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีในไตรมาสนี้ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นทำให้ค่าการกลั่นรวม (GIM) จะปรับตัวสูงขึ้นด้วย ส่วนความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าในไตรมาส 4 นี้จะลดลง 3% เป็นไปตามฤดูกาล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบขณะนี้อยู่ที่ 105-106 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็ใกล้เคียงกับที่ ปตท.คาดการณ์ไว้เฉลี่ยปีนี้ที่ 105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ไม่น่าจะมีปัญหาการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันถ้าราคาน้ำมันดิบดูไบทรงตัวอยู่ในระดับนี้

ตัวเลขความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในช่วง 5 ปี (2556-2560) คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.1% ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบัน ซึ่งปริมาณความต้องการใช้ก๊าซฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ทำให้ ปตท.ต้องนำเข้า LNG จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณก๊าซในอ่าวไทยมีจำกัด รวมทั้งพม่ามีความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณก๊าซฯ จากพม่าให้ไทยไม่ได้เพิ่มมากขึ้น

นายสุรงค์กล่าวถึงธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียว่า ในปีหน้าบริษัทฯ มุ่งเน้นปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตถ่านหินทั้ง 2 เหมืองที่ SUBUKU และ JEMBAYAN ประเทศอินโดนีเซีย ให้ต่ำกว่าเดิมอีก 1 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 51 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยจะคงกำลังการผลิตถ่านหินไว้ที่ 9 ล้านตันใกล้เคียงปีนี้ เนื่องจากเห็นว่าราคาถ่านหินยังทรงตัว ขยับขึ้นไม่รวดเร็วนัก โดยประเมินว่าราคาถ่านหินมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว มิฉะนั้นผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียจะอยู่ไม่ได้ โดยปีนี้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของ ปตท.อยู่ที่ 74 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ส่วนการซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมนั้น ปตท.ยังไม่มีนโยบายที่จะซื้อเหมืองเพิ่มเติม แม้ว่าจะได้รับการติดต่อจากผู้ขาย และสถานการณ์ราคาถ่านหินที่แย่ในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นโอกาสในการซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมก็ตาม แต่จะเน้นลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำที่สุดเป็นสำคัญ

นายสุรงค์กล่าวต่อไปว่า การวัดผลประกอบการของ ปตท.นั้นไม่ควรนำการอุดหนุนราคาLPG และ NGV เข้ามารวม หากตัดการอุดหนุนไปผลประกอบการของ ปตท.สัดส่วน 40-50% มาจากการดำเนินงานของ ปตท.เอง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมาจากบริษัทย่อย ซึ่งปัจจุบันผลการดำเนินงานของ ปตท.นี้มาจากบริษัทย่อยถึง 70% ที่เหลือมาจากการดำเนินงานของ ปตท. 30% เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น