ทอท.เตรียมขายซองประมูลสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 6.2 หมื่นล้านเดือน เม.ย.นี้ “เมฆินทร์” เผยงานเดินตามแผนไม่ล่าช้า คาด ส.ค.ได้ตัวผู้รับเหมา ขณะที่เงินลงทุนปี 57-58 ใช้ทุนหมุนเวียนไม่มีปัญหา ยอมรับปัญหาการเมืองกระทบผู้โดยสาร ม.ค.ต่ำกว่าเป้า สุวรรณภูมิอ่วม เติบโตแค่ 0.5% จากเป้า 3.5% เอ็มโอยูร่วม กปน.วางท่อประปาหลักเพิ่มรองรับเฟส 2 เผยสำรอง 2 วันหากเกิดปัญหาเสี่ยงขาดแคลนน้ำได้
นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 วงเงินลงทุน 62,503.214 ล้านบาท ว่า ภายในเดือนมีนาคมนี้จะสรุปการออกแบบและร่างขอบเขตเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) และจะประกาศเชิญชวนได้ในเดือนเมษายน คาดว่าจะสรุปผลและได้ผู้รับเหมาก่อสร้างในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งการดำเนินโครงการยังเป็นไปตามแผน โดยในช่วงแรกจะใช้เงินทุนของ ทอท.โดยปี 2557 ประมาณ 1,300 ล้านบาท ปี 2558 ประมาณ 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างวิเคราะห์แหล่งเงินทุนที่เหมาะสม โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มงาน คือ กลุ่มงานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (มิดฟิลด์คองคอร์ด) งานส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ และระบบขนส่งผู้โดยสาร (Automated People Mover ; APM) กลุ่มงานอาคารผู้โดยสารและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โดยจะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี จากเดิม 45 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้ ในภาพรวมปริมาณผู้โดยสารทั้ง 6 ท่าอากาศยานของ ทอท.ในช่วงเดือนมกราคม 2557 พบว่ามีการเติบโตประมาณ 7.35% ต่ำกว่าประมาณการที่คาดว่าจะเติบโต 10% โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเติบโตเพียง 0.5% จากที่คาดว่าจะเติบโต 3.5% และเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2556 ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองเติบโต 25% ต่ำกว่าประมาณการที่คาดว่าจะเติบโต 27% ซึ่งเป็นผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองและการปรับเปลี่ยนตารางการบินจากฤดูหนาวมาเป็นฤดูร้อน โดย ทอท.ได้วางแผนในการเพิ่มปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานภูมิภาคแทนซึ่งยังมีการเติบโตที่ดี เช่น ท่าอากาศยานเชียงราย เดือนมกราคมผู้โดยสารเติบโต 18% สูงกว่าประมาณการที่ 7% สนามบินเชียงใหม่เติบโต 14.5% สูงกว่าประมาณการที่ 13%
“ทอท.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นรายเดือน โดยเฉพาะหากมีเหตุปะทะรุนแรงเพราะจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางและปริมาณผู้โดยสารแน่นอน แต่ขณะนี้ยังคงเป้าการเติบโตของผู้โดยสารรวมทั้งปี 57 ไว้ที่ 10% ซึ่งจากคาดการณ์ของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยเฉพาะในภูภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นใน 5 ปีแนวโน้มยังเติบโตเฉลี่ย 5% เนื่องจากโลว์คอสต์แอร์ไลน์ยังโตได้อีกและมีการเปิด AEC มาสนับสนุน โดยคาดว่าในภูมิภาคนี้จะมีผู้โดยสารเครื่องบินเพิ่มจาก 1,300 ล้านคนเป็น 6,900 ล้านคนในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 57 ได้ทดลองเปิดใช้อาคารตรวจบัตรโดยสาร X Terminal ณ อาคาร X Terminal สนามบินภูเก็ตมีพื้นที่ 1,320 ตร.ม. รองรับผู้โดยสารได้ 1,000 คน เพื่อช่วยลดความแออัด โดยจะเปิดเป็นทางการวันที่ 24 ก.พ.นี้ ส่วนสนามบินดอนเมืองจะเร่งเปิดอาคารผู้โดยสาร อาคาร 2 ในไตรมาสที่ 3 ปี 57 ช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 11 ล้านคนต่อปีเป็น 18 ล้านคนต่อปี” นายเมฆินทร์กล่าว
โดยเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ทอท.ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “โครงการวางท่อประธานเพื่อบริการน้ำประปาให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ร่วมกับการประปานครหลวง (กปน.) เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพบริการน้ำประปาของสนามบินให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยจะมีการวางท่อประธานเพิ่ม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1,000 มิลลิเมตรเข้าสู่ถังเก็บน้ำและโรงสูบจ่ายน้ำที่จะก่อสร้างใหม่ทางทิศใต้ของสนามบิน วงเงินประมาณ 3 ล้านบาท และระยะสอง จะวางท่อประธานขนาด 800 และ 1,000 มิลิเมตรระยะทาง 420 เมตร เพื่อรองรับสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 25 ล้านบาท ซึ่ง ทอท.และ กปน.ออกค่าใช้จ่ายฝ่ายละครึ่ง ในขณะเดียวกัน ทอท.จะวางระบบท่อประปาภายในรองรับระยะแรก 105 ล้านบาท ส่วนระยะที่สองการลงทุนจะรวมอยู่ในโครงการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 แล้ว ซึ่งจะแล้วเสร็จทั้งหมดในไตรมาส 4 ปี 2559 โดยปัจจุบันสุวรรณภูมิสามารถกักเก็บน้ำประปาไว้ใช้งานได้ประมาณ 2 วัน โดยหากเกิดปัญหาหรือชำรุดจะใช้เวลาซ่อมแซมมากกว่า 2 วัน อาจส่งผลกระทบทำให้ขาดแคลนน้ำได้ จึงต้องขยายและวางท่อประธานเพิ่มเพื่อความมั่นใจในการให้บริการ