xs
xsm
sm
md
lg

“ชัชชาติ” ตรวจเหตุกระเป๋าระเบิดคาสายพานสุวรรณภูมิ สั่งเพิ่มมาตรการตรวจสอบ ชี้ผู้โดยสารยังไม่เข้าใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ชัชชาติ” รุดตรวจสอบเหตุกระป๋าไฟไหม้ที่สุวรรณภูมิเบื้องต้น พบเป็นสารฟอสฟอรัส สั่ง บพ.คุมเข้ม ชี้แจงวัตถุอันตรายห้ามขึ้นบนเครื่องอีกครั้ง ด้าน ทอท.ประสานสายการบินตรวจสัมภาระผู้โดยสารให้เข้มข้นขึ้น พร้อมเพิ่มตู้โชว์ตัวอย่างของต้องห้ามให้ทั่วถึง คาดผู้โดยสารยังไม่เข้าใจ เผยเกิดเหตุระงับเพลิงไหม้ใน 10 วินาที เคลียร์พื้นที่ใน 1 ชม.
 
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารเกิดไฟลุกไหม้ที่บริเวณเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสาร (Check-in) Row F12 ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า เบื้องต้นพบว่ากระเป๋าดังกล่าวบรรจุสารฟอสฟอรัสที่จะนำไปแสดงการแสดงสินค้าที่ประเทศกัมพูชา โดยยังไม่ได้ผ่านการสแกนจากเครื่อง CTX เนื่องจากจุดสแกนเครื่อง CTX อยู่ชั้นในก่อนนำสัมภาระขึ้นเครื่อง ซึ่งระหว่างการขนถ่ายเกิดการทำปฏิกิริยาขึ้นทำให้กระเป๋าเกิดไฟลุกไหม้ เบื้องต้นน่าจะเป็นเรื่องของความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่เกี่ยวกับการก่อวินาศกรรม ทั้งนี้คงต้องรอทางตำรวจสืบสวนรายละเอียดก่อน รวมถึงความผิดของผู้โดยสารเจ้าของกระเป๋าด้วย 

โดยได้กำชับกรมการบินพลเรือน (บพ.) ตรวจสอบประเด็นข้อกฎหมายเรื่องวัตถุอันตราย ว่าการนำสารอันตรายขึ้นเครื่องจะต้องเป็นวัตถุประเภทอะไรบ้าง ซึ่งเบื้องต้นมีสารอันตรายต้องห้ามอยู่ 9 ประเภท ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าจะผิด พ.ร.บ.เดินอากาศอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาผู้โดยสารส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจว่ามีวัตถุอัตรายชนิดใดบ้างที่ห้ามนำขึ้นเครื่อง บพ.จะต้องประกาศข้อกฎหมายที่ชัดเจน นอกจากนี้ได้กำชับให้ทางเจ้าหน้าที่เตรียมหามาตรการเพิ่มเติมในการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้นเพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ 

นางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กล่าวว่า ทันทีที่เกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ของสายการบินได้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เข้ามาระงับเหตุได้ในทันที เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวสามารถกลับมาให้บริการผู้โดยสารได้ตามปกติ ซึ่งจากเหตุดังกล่าวสร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยแก่สายพานเครื่องชั่งกระเป๋าสัมภาระและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ณ เคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารดังกล่าว และทาง ทอท.ได้ดำเนินการเปลี่ยนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และแผ่นยางบริเวณสายพานที่ได้รับความเสียหายเรียบร้อยและสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้วภายในเวลา 1 ชั่วโมง

โดยจากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบว่ากระเป๋าสัมภาระเป็นของผู้โดยสารชื่อว่า นายพงศ์กานต์ โฆษิตธรรมนันท์ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจบัตรโดยสารเพื่อเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ PG 931 ซึ่งจะเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยที่ภายในกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารมีการบรรจุสารเคมีชนิดน้ำและผง ซึ่งเป็นปุ๋ยหัวเชื้อตัวอย่าง โดยสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าอาจทำปฏิกิริยากันจนเกิดประกายไฟขึ้นได้ 

น.อ.สมัย จันทร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติ) กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ทอท.เข้าดับเพลิงภายใน 10 วินาที ซึ่งได้ประชุมและกำหนดมาตรการเพิ่มเติม คือ 1. ให้สายการบินเข้มข้นในการตรวจสอบสิ่งของในกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารมากขึ้นในขั้นตอน Check-in ที่เคาน์เตอร์ โดยสอบถามผู้โดยสารว่ามีสิ่งของต้องห้ามหรือไม่ 2. เพิ่มตู้โชว์แสดงวัตถุและสารเคมีอันตรายต้องห้ามให้ผู้โดยสารทราบที่ประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารทั้ง 10 ประตู จากปัจจุบันที่มี 4 ประตู และจะประสานไปยังกรมการบินพลเรือน (บพ.) เพื่อขอให้เพิ่มเติมสารอันตรายต้องห้าม รวมถึงรายละเอียดที่ชัดเจนใน พ.ร.บ.เดินอากาศ เช่น ปุ๋ยเคมี เป็นต้น 

ด้านนายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดี บพ. กล่าวว่า พ.ร.บ.เดินอากาศกำหนดสารเคมีและวัตถุอันตรายต้องห้ามนำขึ้นเครื่อง 9 ประเภทไว้แบบกว้างๆ เช่น ของแข็งของเหลวที่ติดไฟง่าย ก๊าซ เป็นต้น แต่ถือว่าครอบคลุม ประเด็นคือ ผู้โดยสารมีความเข้าใจหรือไม่ ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบป้ายเตือนต่างๆ ว่ามีเพียงพอชัดเจนหรือไม่ ส่วนการลงโทษผู้กระทำผิดนั้นจะพิจารณาตามมาตรา 79 ของ พ.ร.บ.เดินอากาศ แต่ต้องดูเจตนาด้วย อย่างไรก็ตาม หากกระเป๋าดังกล่าวผ่านสายพานลำเลียงไปถึงเครื่อง CTX ก็จะถูกตรวจสอบเจอ และไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้แน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น