“ทอท.” ชี้ปัญหาการเมืองฉุดผู้โดยสาร High Season ลดจากเป้า2% “ศิธา” เผยไม่มีเหตุรุนแรงไม่ปิดสนามบินปี 57 โต 6-7% ตามเป้า ลุ้นไฟเขียวขึ้นค่า PSC เพิ่มรายได้อีก 3,00 ล้าน/ปี ส่วนรันเวย์สำรองเสนอคมนาคมแล้ว รอชง ครม.ใหม่เห็นชอบด้าน “เมฆินทร์” เอ็มดีคนใหม่ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ Non-Aero เป็น 45% ในปี 58
น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า การชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ส่งผลต่อการเดินทางเข้าออกประเทศไทยไม่มาก โดยภาพรวมการเติบโตของผู้โดยสารในช่วงฤดู
ท่องเที่ยว (High Season) เพิ่มขึ้นลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 2% เท่านั้น ซึ่งหากสถานการณ์ไม่แย่ไปกว่านี้ คือไม่มีเหตุรุนแรงหรือปิดสนามบินเกิดขึ้น ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้โดยสารในปี 2557 ซึ่งคาดว่าจะเติบโตประมาณ 6-7% ซึ่ง ทอท.จะต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับทั้งเที่ยวบินและผู้โดยสารของทุกท่าอากาศยาน เช่น ขยายสุวรรณภูมิเฟส 2, เร่งเปิดใช้อาคารผู้โดยสาร 2 ของท่าอากาศยานดอนเมืองภายในไตรมาส 2-3, เร่งรัดขยายท่าอากาศยานภูเก็ตและอาคารตรวจบัตรโดยสารนอกอาคารผู้โดยสาร (X-Terminal) เป็นต้น
ทั้งนี้ นอกจากการเร่งพัฒนาโครงการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารในทุกสนามบินของ ทอท.แล้วจะต้องหาทางเพิ่มพื้นที่อื่นๆ ด้วย เช่น เจรจากับกรมการบินพลเรือน (บพ.) เพื่อขอเข้าไปบริหารท่าอากาศยานกระบี่ หรือเจรจากับกองทัพเรือในการบริหารอู่ตะเภา เป็นต้น ส่วนการเพิ่มรายได้นั้น ในส่วนของการปรับค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (PSC) ผู้โดยสารระหว่างประเทศจาก 700 เป็น 800 บาท และในประเทศจาก100 เป็น 200 บาทนั้นเป็นการลดขาดทุนในส่วนของผู้โดยสารในประเทศและไม่ได้ปรับค่า PSC มา 7 ปีแล้วจึงถือว่าเหมาะสม ซึ่ง ทอท.ได้เสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว ขึ้นกับนโยบายว่าจะให้ปรับหรือไม่ ซึ่งหากได้เลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เชื่อว่าขั้นตอนจะไม่ล่าช้า
ส่วนรันเวย์สำรองของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ล่าสุดทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เห็นชอบแล้วว่าสามารถดำเนินการได้เนื่องจากเป็นรันเวย์ที่มีความยาวไม่เกิน 3,000 เมตร ตามข้อกฎหมายถือว่าเป็นการขยายสนามบินที่เคยทำการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (EHIA) ไว้แล้ว จึงได้เสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอนแล้ว โดยปัจจุบันรันเวย์สุวรรณภูมิรองรับเที่ยวบินถึง 53 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งอุบัติเหตุเครื่องบินการบินไทยไถลกลางรันเวย์ทำให้เหลือรันเวย์เดียว เครื่องบินต้องดีเลย์และบินวนลำละกว่า 40 นาทีแสดงให้เห็นความจำเป็นของรันเวย์สำรองอย่างมาก
โดยในปี 2556 ปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.มีจำนวน 86.13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20.43% ส่งผลให้ปี 2556 มีกำไรสุทธิ 16,347.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,847.60 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 151.51%) มีกำไรสุทธิต่อหุ้นหรือ EPS เท่ากับ 11.44 บาท/หุ้น ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจาก 2 ปัจจัย คือมีการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ของท่าอากาศยานดอนเมือง 3,603.28 ล้านบาท จากที่ดอนเมืองกลับมาให้บริการเที่ยวบินและผู้โดยสารเต็มรูปแบบและการสวอปหนี้ซึ่งมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 3,100 ล้านบาท โดยจะจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 4.60 บาท หรือคิดเป็น40.23% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะบริษัท ซึ่งการจ่ายเงินปันผลจะต้องผ่านการรับรองจากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2556 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มกราคม 2557
ด้านนายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนใหม่ กล่าวว่า ได้เริ่มทำงานเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยเห็นว่ากำไรปี 2556 ที่เติบโตกว่า 151% มาจาก 3 ปัจจัยที่ช่วยกระตุ้น คือ ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวแข็งแกร่ง การเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคและการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำ ดังนั้น ทอท.จะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อเร่งขยายขีดความสามารถให้ทันกับเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เติบโตสูงขึ้น นอกจากนี้จะต้องเพิ่มรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) จาก 40.29% ในปีนี้ให้เป็น 45% ภายในปี 2558
“แนวทางการเพิ่มรายได้ Non-Aero ของผมจะดูเรื่องจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตประกอบกับไลฟ์สไตล์ของผู้โดยสารเพื่อวางเป้าหมายในด้านการตลาดให้ตรง แต่ปัญหาคือมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่เกี่ยวกับกรมธนารักษ์กำหนดเรื่องการนำสินทรัพย์มาใช้ในเชิงพาณิชย์ ส่วนค่า PSC นั้น หากฝ่ายนโยบายที่กำกับดูแลไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นจะทำให้รายได้หายไปประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี” นายเมฆินทร์กล่าว