xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนชะลอลงทุนรอการเมืองชัด ชี้สุญญากาศทางการเมืองฉุด ศก.ไทยปี 57

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอกชนชะลอการลงทุนจนถึงไตรมาสแรกปี 2557 เพื่อรอความชัดเจนทางการเมืองก่อน ยอมรับยังเดาไม่ออกการเมืองจะจบทางไหน หากปรับสู่โหมดเลือกตั้งได้คาดว่าไตรมาสแรกจะเป็นช่วงสุญญากาศการเบิกจ่ายงบรัฐล่าช้าขึ้น การเมืองมุ่งสู่สนามเลือกตั้งเป็นหลัก ฉุด ศก.ปี 2557 โตไม่ถึงเป้า 4-5% แน่

นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลประกาศยุบสภาจะช่วยให้ลดความตึงเครียดลงไประดับหนึ่ง แต่ท่าทีของผู้ชุมนุมต้องการให้รัฐบาลลาออกจึงทำให้ภาพการเมืองยังคงคาดคะเนได้ยากว่าจะไปทางใด ซึ่งทำให้ขณะนี้ภาคเอกชนมีการชะลอการลงทุนใหม่ไปจนถึงไตรมาสแรกปี 2557 เพื่อให้ภาพการเมืองชัดเจนก่อน และหากปรับไปสู่โหมดการเลือกตั้งได้ ไตรมาสแรกของปี 2557 ก็จะเป็นช่วงสุญญากาศเพื่อรอตั้งรัฐบาลใหม่ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2 และทำให้เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.มองว่าจะโตได้ 4-5% คงไม่ถึงเป้าหมายแน่นอน

“ข้อวิตกของภาคเอกชนในช่วงสุญญากาศของรัฐบาลรักษาการจะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐมีการล่าช้า โดยเฉพาะเงินค้างของเกษตรกรจากโครงการจำนำข้าว และโครงการประชานิยมต่างๆ เนื่องจากรอดูท่าทีทางการเมือง อีกทั้งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบแต่ละกระทรวงคงให้ความสำคัญต่อสนามเลือกตั้ง ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมการเบิกจ่ายของรัฐให้ต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายใน” นายธนิตกล่าว

นอกจากนี้ หลังการเลือกตั้ง กว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็คงใช้เวลา และไม่ว่าจะซีกพรรคการเมืองฝ่ายใดเข้ามาเป็นรัฐบาล การใช้งบประมาณก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งหากฝ่ายซีกตรงข้ามเข้ามาเป็นรัฐบาลคงต้องรื้อโครงการต่างๆ ใหม่หมด ขณะเดียวกัน โครงการ พ.ร.ก.น้ำ 3 แสนล้าน และหรือ พ.ร.บ.โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ซึ่งมีผลอยู่ในจีดีพีปี 2557 (รวมกัน) 0.5% ก็อาจขับเคลื่อนไม่ได้ ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2557

นายธนิตกล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการเมืองในประเทศในช่วงที่ผ่านมา เมื่อบวกกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้เครื่องมือทางเศรษฐกิจไม่สามารถขับเคลื่อนได้ โดยเฉพาะจากภาคส่งออกและงบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งขาดความเป็นรูปธรรมที่จะมีเม็ดเงินจริงเข้าไปสู่ระบบ อีกทั้งการใช้จ่ายของรัฐบาลในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2556 จะต่ำกว่าเป้าหมายอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2556 อาจได้ต่ำกว่า 3% แต่ภาคเอกชนคาดการณ์ว่าอาจจะอยู่ที่ 2.8%

“การส่งออกคงทำอะไรได้ยาก ปีนี้คงขยายตัวในเชิงดอลลาร์ได้ไม่เกิน 0-0.25% แต่ในเชิงเงินบาทอาจติดลบ 3.5-3.8% การลงทุนก็จะชะลอดูความชัดเจนทางการเมือง การบริโภคภายในช่วงสิ้นปีซึ่งเป็นเทศกาลปีใหม่อาจไม่ขยายตัวมากนัก เพราะสะท้อนจากตัวเลขเดือน พ.ย. ซึ่งขยายตัวได้เพียง 1.5% ต่ำสุดในรอบ 22 เดือน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2557 การบริโภคภายในน่าจะได้อานิสงส์จากค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวเข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งจากค่าใช้จ่ายด้านการหาเสียง รวมทั้งเงินนอกระบบอีกหลายหมื่นล้านที่จะเข้าถึงมือรากหญ้า ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการบริโภคภายในได้บ้าง” นายธนิตกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น