กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเตรียมเสนอกระทรวงพลังงานเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 จำนวน 27 แปลง หลังเจอโรคเลื่อนตั้งแต่กลางปี 55 ลุ้นขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการปิโตรเลียมภายใน ม.ค. 57 และเปิดให้เอกชนยื่นในเดือน พ.ค. เตรียมสร้างความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้สัมปทาน 32 จังหวัด 4 เดือนก่อนเปิดกำหนดให้ผู้ยื่นขอจ่ายโบนัสให้รัฐเพิ่ม
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า ขณะนี้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเตรียมที่จะรายงานความคืบหน้าในการเปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 ต่อที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงที่มีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยเฉพาะแผนการดำเนินงานที่ได้มีการปรับปรุงใหม่ในรายละเอียดการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนจะมีการนำเสนอและขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการปิโตรเลียมภายใน ม.ค. 2557 และออกประกาศเชิญชวนให้เอกชนยื่นขอสัมปทานฯ ได้ในเดือน มิ.ย. 2557
สำหรับแปลงสัมปทานรอบที่ 21 จะมีทั้งหมด 27 แปลง แบ่งเป็นบนบก 22 แปลง ได้แก่บริเวณภาคเหนือและภาคกลาง 6 แปลง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 แปลง และแปลงในทะเลที่บริเวณอ่าวไทยอีก 5 แปลง ซึ่งได้กำหนดปริมาณงานและเงินลงทุนขั้นต่ำดังนี้ ภาคเหนือและภาคกลาง และอ่าวไทย ปริมาณงาน ต้องเจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม วางเงินประกันลงทุนขั้นต่ำ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม เงิน 5 ล้านเหรียญ โดยสัมปทานครั้งนี้ยังคงค่า k (การคงสภาพทางธรณีวิทยา) และ srb (เงินผลประโยชน์ลดหย่อนพิเศษ) ในสัดส่วนที่เท่าเดิม แต่ให้ผู้ขอสัมปทานจะต้องเสนอโบนัสลงนาม (Signing Bonus) แปลงละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ และโบนัสการผลิต (Production Bonus) ซึ่งคิดจากปริมาณการผลิตสะสม
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการดำเนินงานที่สำคัญก่อนที่จะออกประกาศเชิญชวนจะมีการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในจังหวัดที่กำหนดจะเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ที่มีทั้งหมดประมาณ 32 จังหวัด โดยจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมจังหวัดเพื่อที่จะนำไปสู่กระบวนการให้ความรู้ ข้อมูลต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและยอมรับแก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายหน่วยงานราชการจังหวัดละ 100 คน รวมไปถึงผู้นำและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ซึ่งคาดว่าส่วนนี้จะใช้เวลาดำเนินการระหว่าง ม.ค.-เม.ย. 2557
“สัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 ได้เลื่อนออกมานับตั้งแต่กลางปี 2555 ซึ่งรัฐมนตรีพลังงานในช่วงนั้นทั้ง นายพิชัย นริพทะพันธุ์, นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ไม่ได้อนุมัติ และต่อมาเป็นนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็ตีกลับเรื่องให้ไปพิจารณาให้รอบคอบ โดยต้องการให้มีแผนงานทำความเข้าใจกับประชาชนก่อนและต้องดูแนวทางเรื่องผลประโยชน์ที่รัฐจะได้ให้ดีจึงทำให้แผนงานครั้งนี้มีความชัดเจนในทุกๆ ด้านซึ่งยืนยันว่าผลประโยชน์ตอบแทนให้รัฐของไทยนั้นไม่ได้ต่ำ โดยอยู่ระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับทั่วโลกทั้งที่แปลงสำรวจของไทยนั้นมีสำรองปิโตรเลียมต่ำแถมยังต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นกว่า” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามแผนงานการออกประกาศเชิญจะทำได้ช่วง พ.ค. 57 และขั้นตอนการยื่นขอสัมปทานจะใช้เวลาประมาณ 5 เดือนหรือถึง ต.ค. 57 หลังจากนั้นก็คงจะมีการพิจารณาคัดเลือกเสนอ ครม.อนุมัติได้ราว ก.พ. 2558 และออกสัมปทานปิโตรเลียมได้ มี.ค. 58 ซึ่งจะเห็นว่ากว่าจะมีการขุดเจาะสำรวจได้จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1-2 ปี และหากพบว่าคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ก็ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 1 ปีรวมแล้วก็ไม่น้อยกว่า 2-3 ปี หรือกว่าจะผลิตได้จริงก็ปี 2560 ซึ่งขณะนั้นไทยก็มีความต้องการใช้พลังงานอย่างมากขณะที่การผลิตในประเทศเริ่มลดลง” แหล่งข่าวกล่าว