ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินเมื่อวานนี้ว่า นครดีทรอยต์ ได้เข้าสู่ภาวะล้มละลายแล้ว ซึ่งคำตัดสินนี้เปิดโอกาสให้มีการปรับลด เงินบำนาญที่จ่ายให้แก่พนักงานของดีทรอยต์ และอาจส่งผลให้ผู้ถือครองพันธบัตรดีทรอยต์สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก
ต่อไปนี้เป็นประเด็นหลักในคำตัดสินดังกล่าว
ดีทรอยต์ได้เข้าสู่ภาวะที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้แล้ว และมีสิทธิยื่นเรื่องล้มละลายในฐานะเทศบาลภายใต้มาตรา 9 ตามกฎหมายล้มละลายของรัฐบาลกลางสหรั
ดีทรอยต์ไม่ได้ทำการเจรจาโดยสุจริตใจกับสหภาพแรงงานและเจ้าหนี้รายอื่นๆก่อนการยื่นเรื่องล้มละลายในวันที่ 18 ก.ค.
เนื่องจากดีทรอยต์มีเจ้าหนี้มากกว่า 100,000 ราย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ดีทรอยต์จะสามารถเจรจาอย่างสุจริตใจกับเจ้าหนี้จำนวนมากเช่นนี้
การใช้มาตรา 9 ตามกฎหมายล้มละลายของรัฐบาลกลางถือเป็นสิ่งที่ชอบตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลสูงของสหรัฐเคยตัดสินไว้แล้วก่อนหน้านี้ และเนื่องจากการที่รัฐมิชิแกนอนุมัติ การยื่นเรื่องล้มละลาย ซึ่งส่งผลให้ทางรัฐมีสิทธิในเรื่องนี้
การที่นายริค สไนเดอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน อนุมัติการยื่นเรื่องล้มละลายหมายความว่า ดีทรอยต์สามารถปฏิบัติต่อเงินบำนาญเหมือนกับสัญญาทั่วไป และสามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขในสัญญาได้ ถึงแม้รัฐธรรมนูญของรัฐมิชิแกนให้ความคุ้มครองต่อเงินบำนาญก็ตาม
การที่รัฐมิชิแกนอนุมัติการยื่นเรื่องล้มละลายของดีทรอยต์ ถือเป็นสิ่งที่ชอบตามรัฐธรรมนูญของรัฐ ถึงแม้เป็นสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายของทางรัฐที่เกี่ยวข้องกับแผนโร้ดแมพไปสู่การล้มละลาย
คำพิพากษาดังกล่าวทำให้ดีทรอยต์มีสิทธิยื่นขอรับการพิทักษ์ทรัพย์ จากเจ้าหนี้ โดยคดีนี้ถือเป็นคดีการยื่นเรื่องล้มละลายของเทศบาลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ขณะที่ดีทรอยต์จะเริ่มดำเนินความเคลื่อนไหวขั้นถัดไป ซึ่งได้แก่การยื่นแผนการเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่มีวงเงินสูงกว่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ดีทรอยต์มีภาระหนี้ 1.85 หมื่นล้านดอลลาร์ และประสบความยากลำบากในการให้บริการพื้นฐานแก่ประชาชน 700,000 คน ที่อาศัยอยู่ในเมือง โดยไฟถนน 40 % ของดีทรอยต์ใช้การไม่ได้ และมีอาคารร้างราว 78,000 แห่งตั้งกระจัดกระจายอยู่ในเมือง ขณะที่จำนวนประชากรของเมืองนี้เคยพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1.8 ล้านคน ในปี 1950
ดีทรอยต์ระบุว่า หนี้สินครึ่งหนึ่งของเมืองมาจากเงินสวัสดิการสำหรับ ผู้เกษียณอายุ โดย 5.7 พันล้านดอลลาร์มาจากหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับค่ารักษาพยาบาลผู้เกษียณอายุ และ 3.5 พันล้านดอลลาร์มาจากเงินบำนาญ
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group