xs
xsm
sm
md
lg

“เอเซียติคฯ” รุกเออีซี-ไทย ปั้นแบรนด์ลุยนมมะพร้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เอเซียติค” ตั้งรับเออีซี หันหัวรบขยายตลาดไทยและเออีซี เปิดตลาดสินค้าแปรรูปจากมะพร้าว ประเดิมนมมะพร้าวมิลค์กี้โคโค่ วางเป้าหมาย 30 ล้านบาทปีหน้า รุกช่องทางพรีเมียม หวั่นเปิดเออีซีไทยต้องเผชิญสองคู่แข่งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์

นายณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปจากมะพร้าว เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ทำธุรกิจด้วยการรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็มให้กับต่างประเทศ มีสัดส่วนรายได้ 60-70% และส่งแบรนด์สินค้าตัวเองทำตลาดต่างประเทศสัดส่วนรายได้กว่า 20% ที่เหลือทำตลาดในไทยไม่ถึง 10% (สัดส่วนรายได้จากน้ำมะพร้าวประมาณ 60% และกะทิ 30% ที่เหลืออื่นๆ) มาตลอดกว่า 20 ปี ทั้งน้ำมะพร้าวโคโค่ น้ำมะพร้าวมายเวย์ กะทิโอเรียนทอลเชฟ กะทิอัมพวา นมมะพร้าวมิลค์กี้โคโค่ และน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มโคโค่แม็กซ์ จากรายได้รวมประมาณ 1,300 ล้านบาทต่อปี ขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดในประเทศไทยมากขึ้น

โดยวางเป้าหมายจากนี้ไปอีก 3 ปี จะขยายสัดส่วนรายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นมาเป็น 50% และต่างประเทศ 50% แต่บริษัทฯ ก็ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศกับโออีเอ็มมากขึ้นเหมือนเดิม แม้ว่าสัดส่วนจะเท่ากัน แต่มาจากฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 หรือเออีซี ซึ่งจะมีทั้งโอกาสและอุปสรรค

การที่ต้องหันมาเน้นตลาดในประเทศและเน้นการสร้างแบรนด์ตัวเองในประเทศนั้น เนื่องมาจากว่าค่าเงินบาทของไทยที่แข็งตัวขึ้นมากเท่าใดจะกระทบกับธุรกิจส่งออกมากขึ้น อีกทั้งการเปิดเออีซีที่จะมีการแข่งขันกันมากขึ้นด้วย

สำหรับตลาดในประเทศ จะเริ่มทำตลาดจริงจังในปีหน้ากับเครื่องดื่ม นมมะพร้าวมิลค์กี้โคโค่ 100% ที่เพิ่งเริ่มผลิตขึ้นมาทำตลาด จะวางจำหน่ายในร้านค้าเพื่อสุขภาพ ที่เริ่มแล้วเช่น ร้านเลมอนฟาร์ม ร้านโกลเด้นเพลซ เป็นต้น และปีหน้าจะขยายเข้าร้านท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ วิลล่ามาร์เก็ต เป็นต้น ราคาสินค้า ขวดละประมาณ 30 กว่าบาท จับกลุ่มพรีเมียม ซึ่งในไทยยังไม่มีสินค้าประเภทนี้จำหน่าย โดยปีหน้าจะมีการปรับแพกเกจจิ้งและรสชาติใหม่ จากเดิมมี 3 รสชาติ และพัฒนาคุณภาพเพราะเดิมมีแต่พาสเจอไรซ์เก็บได้ไม่นาน ตั้งเป้าหมายปีแรกยอดขายในไทยประมาณ 30 กว่าล้านบาทเฉพาะสินค้าแบรดน์นี้

ส่วนในต่างประเทศนั้น หลังจากเปิดเออีซีก็จะเป็นตลาดที่ใหญ่เช่นกันซึ่งบริษัทฯ จะหาพาร์ตเนอร์ในการขยายตลาดเหล่านี้ แต่ไทยอาจจะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของการผลิต การพัฒนาสินค้า แต่จะเสียเปรียบเรื่องวัตถุดิบคือผลมะพร้าวเพราะไทยมีความสามารถผลิตรวมประมาณ 1,300 ล้านลูกต่อปี แต่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งในส่วนบริษัทเองมีความต้องการมะพร้าวประมาณ 70 ล้านลูกต่อปี ผลิตส่งออกประมาณ 13 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อวัน เวลานี้ขาดแคลนต้องอาศัยการนำเข้ามาจากต่างประเทศทดแทนด้วย ขณะที่ประเทศอินโดนีเซีย และฟิลิปินส์ ซึ่งมีมะพร้าวมากเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลกจะมีความได้เปรียบกว่า แต่สองประเทศนี้จะเน้นสินค้าแปรรูปต่างจากไทย แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าวัตถุดิบจะมีการไหลเวียนในกลุ่มเออีซีได้ง่ายขึ้น ซึ่งบริษัทพิจารณาอย่ว่าจะสร้างฐานการผลิตใหม่ที่ต่างประเทศดีหรือไม่ เพราะจะทำให้ต้นทุนต่ำลงด้วย

อย่างไรก็ตาม นอกจากตลาดเออีซีแล้วจะเริ่มทำตลาดสินค้ามิลค์กี้โคโค่ที่ฮ่องกงด้วย ส่วนสินค้าของบริษัทฯ ในกลุ่มอื่นๆ และแบรนด์อื่นๆ นั้นมีจำหน่ายแล้วใน 70 กว่าประเทศทั่วโลก ซึ่งกลุ่มกะทิไม่ทำตลาดในไทยเพราะตลาดมีแบรนด์ใหญ๋ครองตลาดอย่างแข็งแกร่ง ส่วนน้ำมะพร้าวก็เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว ต่างจากตลาดนมมะพร้าวที่ยังไม่มีรายใดทำตลาดจริงจังในตลาดเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น