ไทยเทพรส (ภูเขาทอง) แบกต้นทุน ยอมรับปีนี้รายได้คงที่ เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลั่นแผน 5 ปีรายได้ทะลุ 3,500 ล้านบาท ขยายตลาด สินค้าใหม่ รวมทุนต่างชาติ ประเดิมกลุ่มยามาซ่า ปีหน้าโรงงานใหม่ผลิตซีอิ๊วญี่ปุ่นยามาซ่าเดินเครื่องแน่
นายธนวัฒน์ วิญญรัตน์ กรรมการ บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) หรือ SAUCE ผู้ผลิตและจำหน่ายซอสปรุงรส ซอสพริก และอื่นๆ ตราภูเขาทอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตซอสพริกประสบปัญหาวัตถุดิบคือพริกขาดตลาดอย่าางมาก ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ต้องมีการนำเข้าพริกจากต่างประเทศเข้ามาทำการผลิต ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะราคาพริกที่นำเข้ามาสูงกว่าในไทย โดยเฉลี่ยแล้วบริษัทใช้พริกปีละประมาณ 3,000 ตันในการผลิตซอสพริก ซึ่งซอสพริกถือเป็นสินค้าที่ทำรายได้สัดส่วนที่มาก จึงส่งผลกระทบให้ช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถผลิตได้เต็มที่จึงขาดโอกาสในการทำรายได้ส่วนหนึ่ง
ขณะเดียวกันต้นทุนวัตถุดิบในไทยก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งโดยรวมแล้วตอนนี้ต้นทุนการผลิตรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 10% แล้ว แต่บริษัทฯ ก็ยังไม่มีการปรับราคาสินค้าแต่อย่างใด จากกำลังการผลิตรวมทั้งหมดที่ 12 ล้านหีบต่อปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็หันมามุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิตลงบางส่วนที่ไม่กระทบต่อคุณภาพสินค้า เช่น การทำแพกเกจจิ้งใหม่ หรือกระบวนการผลิตใหม่ เป็นต้น รวมไปถึงการขยายตลาดใหม่ๆ ทั้งตลาดต่างประเทศและการออกสินค้าใหม่สู่ตลาด และช่วง 3 ปีจากนี้คาดว่าจะมีการลงทุนด้านการผลิตประมาณ 300 ล้านบาท
ล่าสุดคือการร่วมทุนกับทางบริษัท ยามาซ่า คอร์ปอเรชั่น ญี่ปุ่นในการตั้งบริษัท ยามาซ่า ประเทศไทย จำกัด ขึ้นมาเป็นผู้ทำการตลาดและขายให้แก่สินค้าซีอิ๊วญี่ปุ่นตรา ยามาซ่า ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตให้ ซึ่งโรงงานใหม่นี้คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตซีอิ๊วญี่ปุ่นยามาซ่าได้ต้นปีหน้า ส่วนที่มีขายเวลานี้มาจากโรงงานเดิม คาดว่าปีนี้จะทำรายได้ 20 ล้านบาท
ทั้งนี้เพื่อให้เป้าหมายที่ตั้งไว้บรรลุผลคือ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีจากนี้จะมียอดขายรวม 3,500 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศประมาณ 88% ต่างประเทศประมาณ 12% จากปัจจุบันต่างประเทศมีประมาณ 8% จากการขยายตลาดและการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่าปีนี้รายได้รวมอาจจะไม่เติบโตมากนัก คงจะเท่ากับหรือใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 2,644 ล้านบาท กำไรประมาณ 571 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยลบทางด้านภาวะเศรษฐกิจเป็นหลักและการขาดแคลนวัตถุดิบบางส่วน
นายบัญชา วิญญรัตน์ กรรมการ เปิดเผยว่า จะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยุโรปและเออีซี และตลาดใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เช่น สแกนดิเนเวีย และแอฟริกาใต้ แต่ทั้งนี้ต้องดูถึงความพร้อมและความเหมาะสมด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งโซลดิสทริบิวเตอร์ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ตลาดหลักอยู่ที่อเมริกา 60% ยุโรป ออสเตรเลีย และเออีซีที่มีกัมพูชา เวียดนาม ลาว ปัจจุบันมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 251 ล้านบาท แต่ปีหน้าตลาดต่างประเทศคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 12% เพราะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้น โดยมีแผนที่จะมุ่งเน้นการทำตลาดและจัดกิจกรรมในตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ได้เน้นมากนัก
นางสาววรัญญา วิญญรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สัดส่วนยอดขายในประเทศมาจากโมเดิร์นเทรด 22% ยี่ปั๊ว 50% หน่วยรถและอุตสาหกรรมอีก 18.5% และอื่นๆ ซึ่งมีการเติบโตทุกช่องทาง โดยบริษัทฯ เป็นผู้นำในเซกเมนต์ซอสพริก ส่วนน้ำส้มสายชูและซีอิ๊วติดท็อปทรี ปีหน้าจะจัดกิจกรรมการตลาดมากขึ้น