xs
xsm
sm
md
lg

IRPC ลงทุนต่อยอด “ฟินิกซ์” 6.5 หมื่นล้าน จีบ PTTGC ร่วมถือหุ้นในโครงการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “ไออาร์พีซี” ศึกษาการลงทุนโครงการต่อเนื่องฟินิกซ์อีก 6 โครงการ ใช้เงินรวม 6.5 หมี่นล้านบาท เล็งดึง PTTGC เข้าร่วมทุนด้วยเพื่อลดภาระการลงทุน หลังงบลงทุน 5 ปีแตะ 1.1 แสนล้านบาท มั่นใจปีหน้าบริษัทฯ มี EBITDA แตะ 1 หมื่นล้านบาทหากค่าการกลั่นรวม (GIM) อยู่ที่ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีกว่าปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(IRPC) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการปิโตรเคมีต่อเนื่องจากโครงการฟินิกซ์จำนวน 6 โครงการ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวม 6.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า ซึ่งการลงทุนโครงการดังกล่าวจำเป็นต้องหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนเพื่อลดภาระการลงทุน เพราะบริษัทฯ มีข้อจำกัดในการลงทุน โดยจะดึง บมจ.พีทีที โกลบอลเคมิคอลส์ (PTTGC) หรือบริษัทที่มีเทคโนโลยีเข้ามาร่วมลงทุนด้วย

ซึ่งโครงการลงทุนต่อเนื่องจากโครงการฟินิกซ์ ประกอบด้วย โครงการผลิตพาราไซลีน (PX) 1.21 ล้านตัน/ปี และเบนซีน 3.72 แสนตัน/ปี โครงการผลิตโพลีโพรพิลีน คอมพาวนด์ (PPC) ขนาดกำลังการผลิต 3 แสนตัน/ปี โครงการผลิตโพลีออล ขนาด 1 แสนตัน/ปี โครงการผลิตอะคริลิค แอซิด/ซูเปอร์ แอบซอฟเบนต์ พอลิเมอร์ (AA/SAP) กำลังการผลิตAA 1 แสนตัน/ปี และ SAP 8 หมื่นตัน/ปี โครงการ Bio-Hydrogenated Diesel (BHD) 2 ล้านลิตร/เดือน และโครงการผลิตสไตรีน โมโนเมอร์ (SM) 3.50 แสนตัน/ปี

นายสุกฤตย์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้มีการเจรจากับ บมจ.พีทีที โกลบอลฯ ในการร่วมลงทุนโครงการลงทุนพาราไซลีน (PX) ใช้เงินลงทุน 3.3 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า โดยจะนำวัตถุดิบจากทั้ง 2 บริษัทมาใช้ในโครงการดังกล่าว รวมทั้งยังศึกษาร่วมทุนในโครงการผลิตโพลีออล และโครงการผลิตสไตรีน โมโนเมอร์ด้วย คาดว่าโครงการเหล่านี้จะแล้วเสร็จในปี 2560-2561 ขณะที่โครงการผลิต AA/SAP อาจจะต้องดึงเจ้าของเทคโนโลยีเข้ามาร่วมลงทุน

สำหรับการลงทุนของบริษัทฯ ใน 5 ปีข้างหน้า (2557-2561) จะลงทุนรวม 1.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนโครงการต่างๆ ภายใต้ฟินิกซ์ และโครงการที่นอกเหนือฟินิกซ์ใช้เงินลงทุน 4.5 หมื่นล้านบาท โครงการต่อยอดจากโครงการฟินิกซ์ 6.5 หมื่นล้านบาท โดยปีหน้าจะใช้เงินลงทุนโครงการต่างๆ ภายใต้ฟินิกซ์ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

ส่วนการจัดหาแหล่งเงินทุนมาจากกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ของบริษัทฯ 7 หมื่นล้านบาท ยังขาดอีก 4 หมื่นล้านบาท บริษัทฯ จะจัดหามาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและออกหุ้นกู้ โดย 5 ปีข้างหน้าบริษัทฯ มีหนี้ที่ครบกำหนดชำระรวม 4.5 หมื่นล้านบาท โดยปีหน้ามีหนี้ครบกำหนดชำระ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้เจรจากับเจ้าหนี้เพื่อ Rollover ต่อไป

นายสุกฤตย์กล่าวถึงผลการดำเนินงานปี 2557 ว่า บริษัทฯ จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากปีนี้ โดยตั้งเป้าค่าการกลั่นรวม (GIM) อยู่ที่ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่า GIM 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยเพิ่มขึ้นจากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การตลาดและทรัพยากรบุคคล (Delta) ได้ 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และโครงการฟินิกซ์บางโครงการที่เสร็จแล้วอีก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทฯ มี EBITDA ในปี 2557 อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท และปีถัดไปบริษัทฯ จะมี EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 หมื่นล้านบาทหลังรับรู้รายได้จากโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้โครงการฟินิกซ์ (UHV) ที่จะแล้วเสร็จในกลางปี 2557 โดยโครงการ UHV จะทำให้โรงกลั่นไออาร์พีซี กลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.83 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 2.15 แสนบาร์เรล/วัน

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 นี้ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบ หากพบว่าราคาน้ำมันดิบดูไบไตรมาส 4 เฉลี่ยอยู่ที่ 106 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล บริษัทฯ ไม่เสี่ยงที่จะขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน แต่หากราคาน้ำมันดิบต่ำกว่านี้ก็จะขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทบริหารการเก็บสต๊อกน้ำมันจากเดิม 60 วันเหลือเพียง 34 วันในสิ้นไตรมาส 3/2556 เพื่อลดความผันผวนของราคาน้ำมันดิบโลก

ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกในปีนี้ของไออาร์พีซี บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 747 ล้านบาท โดยมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 695 ล้านบาท

นายสุกฤตย์กล่าวย้ำว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายการเป็นบริษัทชั้นนำด้านปิโตรเคมีครบวงจรในเอเชียปี 2563 โดยมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Return of Investment Capital : ROIC) ที่ 14% ซึ่งจะใกล้เคียงกับบริษัทโรงกลั่นและปิโตรเคมีของโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น