“พงษ์ศักดิ์” เตรียมรวบรวมหลักฐานและเอกสารที่เคยมีการชี้แจงให้กรรมาธิการวุฒิสภา ส่งให้ประธานวุฒิสภา หลังระบุไม่ได้รับความร่วมมือ ยืนยันที่ผ่านมาเข้าชี้แจงเกือบทุกนัดอย่างครบถ้วน ขณะที่กรณีข้อเสนอให้ซื้อไฟจากพลังงานหมุนเวียนโดยไม่จำกัดปริมาณโดยเฉพาะแสงอาทิตย์ ชี้ทำได้ยาก เหตุจะส่งผลต่อค่าไฟให้เพิ่ม หวั่นกระทบค่าครองชีพประชาชน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวชี้แจงต่อกรณีที่ นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร ได้ระบุว่า ที่ผ่านมาได้มีการเรียกชี้แจงข้อมูลจากกรรมาธิการวุฒิสภามาทางหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าที่ผ่านมากระทรวงพลังงานมีการเปิดเผยข้อมูลมาโดยตลอด พร้อมกับมีการเข้าไปชี้แจงโดยอธิบดีกรมเชื้อเพลิง และผู้บริหาร ปตท.ทุกสัปดาห์มาอย่างต่อเนื่องเรื่องละหลายครั้ง รวมทั้งมีการส่งเอกสารให้กรรมาธิการวุฒิสภามาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะมีการรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับการให้ข้อมูลต่างๆ ทั้งกรณีที่เข้าไปชี้แจงและการตอบทางเอกสารเพื่อสรุปเป็นข้อมูลถึงรายงานให้ประธานวุฒิสภาได้รับทราบต่อไป
นอกจากนี้ สิ่งที่สมาชิกวุฒิสภาเสนอให้รัฐบาลมีการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นโดยเฉพาะจากแสงอาทิตย์โดยไม่จำกัดปริมาณ โดยยกตัวอย่างการพัฒนาของประเทศเยอรมนี ซึ่งประเด็นดังกล่าวขอชี้แจงว่า ขณะนี้รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานได้เปิดการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ Solar PV Rooftop ด้วยการรับซื้อไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง หรือ Feed in Tariff ซึ่งเฉลี่ยทั้งบ้านที่อยู่อาศัย อาคารธุรกิจโรงงานขนาดเล็กและใหญ่เฉลี่ยประมาณ 6 บาทกว่าต่อหน่วย แต่การเปิดรับซื้อยังจำเป็นต้องจำกัดปริมาณไว้ไม่ให้สูงเกินไปเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งนั่นหมายถึงจะกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟสูงถึง 40% ซึ่งย่อมจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
“อดีตเราส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์โดยให้อัตราส่วนเพิ่มรับซื้อไฟฟ้าหรือ Adder ผู้ขายไฟเมื่อรวมกับค่าไฟฐานสูงถึง 11 บาทต่อหน่วย แต่หากเทียบกับการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน นิวเคลียร์ ค่าไฟจะอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อหน่วย ก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 4.20 บาทต่อหน่วย ก็จะเห็นว่าไฟจากแสงอาทิตย์นั้นสูงกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆ ถึงกว่า 2 เท่าตัว ดังนั้นการซื้อไฟจากแสงอาทิตย์แบบไม่จำกัดก็จะกระทบค่าไฟอย่างมาก รัฐจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และการส่งเสริม Solar PV Rooftop ครั้งนี้ก็จะกระทบค่าไฟราว 2-3 สตางค์ต่อหน่วย” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
สำหรับกรณีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนให้สะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติจาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ไปสู่ระดับ 24.82 บาทต่อ กก.หรือปรับขึ้นประมาณ 6 บาทต่อ กก. โดยทยอยปรับขึ้นเดือนละ 0.50 บาทต่อ กก.นั้นยืนยันว่าเป็นรายได้เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการลดภาระการจ่ายอุดหนุนราคา ซึ่ง บมจ.ปตท.ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ ในการปรับเพิ่มราคาแอลพีจีครั้งนี้
