xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญคาดตลาดน้ำตาลโลกเข้าสู่ช่วงขาขึ้นหลังตกต่ำนาน 3 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

      เหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บน้ำตาลของบริษัท Copersucar ในบราซิล เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ทำให้การดำเนินงานของบริษัท ซึ่งเป็นเทรดเดอร์น้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในโลก หยุดชะงักลง และทำให้ความสามารถในการส่งออก 10 ล้านตันต้องหยุดชะงักเป็นเวลา 6 เดือนหรือนานกว่านั้น 
      ทั้งนี้ เพลิงได้ลุกไหม้คลังสินค้าทั้งหมดของ Copersucar ที่ท่าเรือซานโตส และได้สร้างความเสียหายต่อน้ำตาล 180,000 ตัน หรือเกือบ 10% ของการส่งออกน้ำตาลต่อเดือนของบราซิล และทำให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี 
      ความเสียหายของคลังสินค้าที่ท่าเรือเกือบทั้งหมดของบริษัทจะทำให้  Copersucar ต้องรีบทำการเช่าคลังสินค้าเพื่อจัดส่งน้ำตาลให้แก่ผู้ซื้อ และตลาดทั่วโลกตามข้อตกลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่  Copersucar เปิดเผยว่า บริษัทส่งออกน้ำตาลผ่านคลังสินค้าที่ท่าเรือซานโตสคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 5 ของการส่งออกน้ำตาลของโลก 
      "การประมาณการขั้นต่ำจะใช้เวลา 6 เดือนในการฟื้นฟูท่าเรือให้ กลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ" เทรดเดอร์รายหนึ่งของสหรัฐกล่าว ตลาดน้ำตาลระหว่างประเทศขานรับข่าวดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดย สัญญาน้ำตาลดิบส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาด ICE พุ่งขึ้นมากกว่า 6%   สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีจากข่าวไฟไหม้ ก่อนลดช่วงบวกลงในเวลาต่อมา และปิดตลาดวันศุกร์พุ่ง 2.5% สู่ระดับ 19.48 เซนต์/ปอนด์         
        เหตุเพลิงไหม้โกดังน้ำตาลของบราซิลทำให้ราคาน้ำตาลพุ่งขึ้น ขณะที่นักลงทุนมองว่าภาวะน้ำตาลล้นตลาดมีแนวโน้มที่จะสิ้นสุดลง
        ราคาน้ำตาลทะยานขึ้นมากกว่า 25% แล้วนับตั้งแต่เดือนก.ค.และพุ่งขึ้น 6% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี หลังเหตุเพลิงไหม้โกดังน้ำตาลของบริษัท Copersucar ที่ท่าเรือซานโตสในบราซิล
        ก่อนหน้านั้น ตลาดน้ำตาลได้ถูกกดดันจากปริมาณน้ำตาลล้นตลาดอันเป็นผลจากความพยายามของผู้ผลิตที่จะทำกำไรจากราคาที่ระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี  ในปี 2011 และความแข็งแกร่งของดอลลาร์ ซึ่งได้ถ่วงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลดอลลาร์
        ข้อมูลจากองค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ (ISO) บ่งชี้ว่า ปริมาณน้ำตาลส่วนเกินในตลาดโลกคาดว่าจะอยู่ที่ 4.5 ล้านตันในปี 2013/2014หลังจากอยู่ที่ 10.2 ล้านตันในปี 2012/2013 และ 6.1 ล้านตันในปีก่อนหน้า
        ISO ซึ่งติดตามอุปสงค์และอุปทานของโลกนั้น ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ปี 2014/2015 แต่นาย Sergey Gudoshnikov นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ISO คาดว่า ตลาดจะเข้าสู่ภาวะสมดุลหรือมีปริมาณน้ำตาลส่วนเกินเพียงเล็กน้อย
        ราคาน้ำตาลอาจปรับตัวขึ้นต่อไปจากความเสี่ยงด้านสภาพอากาศหากยังคงมีฝนตกอย่างหนักในบราซิลและยุโรป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยว ขณะที่อากาศที่เปียกชื้นจะส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยในเอเชียในประเทศผู้ผลิตที่สำคัญในปีนี้ อาทิ อินเดียและไทย
        "ความเสี่ยงด้านสภาพอากาศเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดซึ่งอาจกำหนดการปรับตัวขึ้นของราคาในอนาคต" นาย Gudoshnikov กล่าว
        กองทุนเพื่อการลงทุนได้ถือสถานะขายน้ำตาลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา   เพื่อทำกำไรจากการร่วงลงมากกว่า 50% ของสัญญาน้ำตาลดิบที่ถูกผลักดันจากผลผลิตส่วนเกินทั่วโลก
        ราคาน้ำตาลดิบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 15.93 เซนต์/ปอนด์   แต่ปิดที่ 19.50 เซนต์/ปอนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังเหตุเพลิงไหม้โกดังน้ำตาลในบราซิล แม้บริษัทคู่แข่งของ Copersucar มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการผลิต    
        สำหรับแนวโน้มระยะยาวนั้น อุปสงค์น้ำตาลที่เพิ่มขึ้นในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความวิตกเกี่ยวกับสภาพอากาศในบราซิล กำลังผลักดันให้นักลงทุนกลับเข้าลงทุนในตลาด
        "กองทุนได้เข้าซื้อสุทธิจากความวิตกว่า ภาวะฝนตกในบราซิลจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตอ้อย และการผลิตเอทานอลแทนน้ำตาลมากขึ้นนั้น อาจลดปริมาณสต็อกน้ำตาลลง" นาย Romain Lathiere ผู้จัดการกองทุนของ Diapason  Commodities Management กล่าว    
        นอกจากปัจจัยขับเคลื่อนระยะสั้นแล้ว อุปสงค์ที่สดใสในจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบกับความวิตกเรื่องสภาพอากาศจากบราซิล กำลังทำให้นักลงทุนเข้าตลาด
        "กองทุนซื้อสุทธิในช่วงที่ผ่านมา เพราะความวิตกที่ว่า ฝนตกในบราซิลจะกระทบผลผลิต และการจัดสรรเพิ่มขึ้นของโรงงานเพื่อผลิตเอทานอลแทนน้ำตาลอาจจะทำให้สต็อกน้ำตาลลดลง" นายโรเมน ลาเธียร์ ผู้จัดการกองทุนจาก  Diapason Commodities Management กล่าว
        นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาวะฝนตกหนักในภาคกลาง-ใต้ของบราซิลเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง เนื่องจากสร้างความยุ่งยากให้แก่การเก็บเกี่ยวผลผลิต และอีกปัจจัยหนึ่งก็คืออุปสงค์จากจีน และเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นผู้นำเข้าชั้นนำ
        นายโทบี้ โคเฮน ผู้อำนวยการบริษัท Czarnikow กล่าวว่า ตลาดกำลังปรับฐานในช่วงขาขึ้น และคาดว่าจะปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
        การนำเข้าน้ำตาลดิบของดีลเลอร์ในภาคเอกชนไปยังจีนสูงเกินกว่าที่เทรดเดอร์คาดไว้แล้ว และดีลเลอร์ได้ระบุถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำตาลดิบชั้นนำอีกราย
        เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า อินโดนีเซียจะอนุมัติการ นำเข้าน้ำตาลดิบ 3.8 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 ใน 3 จากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่คาดว่าอินโดนีเซียจะสามารถตอบสนองอุปสงค์ที่พุ่งขึ้นอย่างมากได้
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
 
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
กำลังโหลดความคิดเห็น