xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำธนาคารกลางทั่วโลกเตือนภัยคุกคามเศรษฐกิจโลกจากนโยบายการคลัง,การเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

        เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางชั้นนำหลายคนกล่าวเตือนว่า นโยบายการคลังและปัจจัยทางการเมืองอาจทำลายความพยายามของธนาคารกลางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระหนี้
        นักการเมืองสหรัฐกำลังมีความขัดแย้งกันในประเด็นด้านงบประมาณ  ซึ่งส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐต้องปิดทำการนับตั้งแต่วันที่  1 ต.ค.เป็นต้นมา ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเตือนมาแล้วหลายครั้งว่า ภาวะทางตันด้านงบประมาณถือเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ที่ขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน และถ้าหาก สิ่งนี้ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ เศรษฐกิจสหรัฐก็อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า การที่เฟดเข้าซื้อตราสารหนี้เป็นจำนวนมากอาจเป็นการทำลายความเป็นอิสระของเฟด ถ้าหากมาตรการนี้ส่งผลให้งบดุลของเฟดมียอดขาดทุนเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น
       นายดัดลีย์กล่าวในที่ประชุมที่จัดโดยธนาคารกลางเม็กซิโกว่า "ถึงแม้ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้อยู่ในระดับต่ำ แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางก็จำเป็นต้องตระหนักถึงความเสี่ยงในเรื่องนี้ และต้องชี้แจงแรงจูงใจสำหรับการกระทำของตนเองอย่างชัดเจน เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงประเภทนี้"
        นายดัดลีย์กล่าวว่า "ภัยคุกคามที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางก็คือประเด็นที่ว่า เจ้าหน้าที่การคลังดำเนินงานในแบบที่สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารกลางหรือไม่ โดยภัยคุกคามนี้มีความสำคัญยิ่งกว่าการใช้นโยบายการเงินแบบพิเศษ"
        ทางด้านนายคลาส น็อต สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า ยุโรปก็ได้รับแรงกดดันเช่นกัน ในขณะที่รัฐบาลหลายประเทศสูญเสียอำนาจในการควบคุมให้แก่ตลาดการเงิน และเขากล่าวเสริมว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในการปกป้องคุ้มครองความเป็นอิสระของธนาคารกลาง
        นายน็อตกล่าวว่า "งบดุลของธนาคารกลางได้รับผลกระทบมากขึ้น เรื่อยๆจากปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจและจากแรงกดดันทางการเมือง"
        "สิ่งนี้อาจส่งผลให้งบดุลของธนาคารกลางมีเงินทุนติดลบจำนวนมากและสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา เพราะอาจทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง"
        วุฒิสมาชิกสหรัฐกล่าวว่า ถ้าหากสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันตกลงกันได้ วุฒิสภาก็อาจจะลงนามในแผนดังกล่าวในวันนี้ ซึ่งใกล้กับกำหนดเส้นตายในวันพรุ่งนี้
        นายอากุสติน คาร์สเตนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางเม็กซิโก กล่าวว่า  "เราทุกคนมีความกังวล และตั้งความหวังว่าปัญหาจะได้รับการคลี่คลายในเร็วๆนี้"
        สมาชิกสภาคองเกรสพรรครีพับลิกันบางคนกล่าวโจมตีเฟดอย่างรุนแรง ในเรื่องที่เฟดดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษมาเป็นเวลานาน 5 ปี โดยเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับใกล้ 0 %  ในเดือนธ.ค.2008 และเพิ่มขนาดงบดุลขึ้นราว 4 เท่า สู่ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยผ่านทางมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อกดดันต้นทุนการกู้ยืมให้อยู่ในระดับต่ำ
        นายดัดลีย์กล่าวว่า เฟดอาจจะมียอดขาดทุนจากการถือครองตราสารหนี้เหล่านี้ เพราะการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลลบต่อปริมาณเงินที่เฟดจ่ายคืนให้แก่ผู้เสียภาษีชาวสหรัฐในแต่ละปี
        สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เฟดได้รับแรงกดดันในทางการเมือง ถ้าหากยอดขาดทุนส่งผลให้เฟดต้องขอเงินเพิ่มเติมจากสภาคองเกรสอย่างไรก็ดี นายดัดลีย์กล่าวว่า ปัญหานี้อาจหลีกเลี่ยงได้ด้วยการจัดต้ง  "สินทรัพย์รอการตัดบัญชี" (deferred asset) ในงบดุลของเฟด เพื่อที่เฟดจะได้รักษาความเป็นอิสระทางงบประมาณได้ต่อไป
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
 
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
กำลังโหลดความคิดเห็น