xs
xsm
sm
md
lg

รฟม.ขยาด BMCL หนี้บาน ส่อไม่ร่วมเพิ่มทุน ยอมรับสัดส่วนหุ้นลดเหลือ 15%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รฟม.ชงบอร์ด 17 ต.ค.เคาะร่วมเพิ่มทุน BMCL หรือไม่ เผยแนวโน้มไม่ร่วมมากกว่า ยอมรับสภาพสัดส่วนถือหุ้นลดลงเหลือ 15% จาก 25% เหตุต้องใช้ภาษีประชาชนมาให้เอกชนเพื่อจ่ายหนี้คืนเจ้าหน้าที่อาจไม่เหมาะสม

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะมีการพิจารณาว่า รฟม.จะร่วมเพิ่มทุนตามที่บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จากเดิม 11,950 ล้านบาท เป็น 20,500 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 8,550 ล้านหุ้นหรือไม่ โดยปัจจุบัน รฟม.ถือหุ้นใน BMCL สัดส่วน 25% หาก รฟม.ตัดสินใจร่วมเพิ่มทุนกับ BMCL เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นให้อยู่ที่ 25% ต่อไปจะต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านบาท และต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติงบลงทุน เนื่องจาก รฟม.ยังไม่มีเงินมากพอที่จะไปร่วมเพิ่มทุนในอัตราดังกล่าว แต่หาก รฟม.ไม่ร่วมเพิ่มทุนสัดส่วนการถือหุ้นของ รฟม.จะลดลงเหลือประมาณ15%

ทั้งนี้ แนวโน้มที่ รฟม.จะไม่ร่วมเพิ่มทุนกับ BMCL มีความเป็นไปได้สูง โดยต้องยอมรับสัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลง โดยปัจจัยประกอบการตัดสินใจเป็นเรื่องที่ BMCL ยังมีภาระหนี้จำนวนมากที่ต้องแก้ไขก่อนจึงจะสามารถมีกำไรได้ ในขณะที่เงินจากการเพิ่มทุน BMCL ต้องการนำไปชำระหนี้ หาก รฟม.ร่วมเพิ่มทุนจะต้องนำเงินภาษีของประชาชนไปดำเนินการซึ่งอาจไม่เหมาะสมเพราะประโยชน์จะตกเป็นของเจ้าหนี้ของ BMCL

โดยหากจะร่วมเพิ่มทุนต้องเสนอ ครม.ขออนุมัติ มีขั้นตอนยุ่งยาก และต้องตอบคำถามอีกมากมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ คงไม่เหมาะเท่าไรถ้าจะนำเงินภาษีไปใช้โดยไม่ได้ผลตอบแทน เพราะ BMCL จะต้องชำระหนี้ให้หมดก่อน ไม่สามารถที่จะมีกำไรในทันทีได้ ซึ่งกรณีไม่ร่วมเพิ่มทุนไม่ได้หมายความว่า BMCL ไม่ดี แต่ปัญหาขาดทุนมาจากแผนรถไฟฟ้าของรัฐบาลไม่เป็นไปตามแผน ทำให้จำนวนผู้โดยสารไม่เป็นไปตามที่ประมาณการไว้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ รฟม.จะมองประโยชน์ขององค์กรเป็นหลักก่อน

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ BMCL ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2556 คณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติเพิ่มทุน 8,550 ล้านบาท จากเดิม 11,950 ล้านบาท เป็น 20,500 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะทำให้ส่วนทุนของ BMCL เพิ่มขึ้นเกือบ 9,000 ล้านหุ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 500 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้หนี้สินต่อทุน (DE) ลดลงเหลือ 1:1 จากเดิมสูงเกิน 10 เท่า โดย BMCL
ได้จัดสรรการจำหน่ายหุ้นเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 จำหน่ายให้ผู้ถือหุ้นเดิม 2,000 ล้านหุ้น ซึ่งจะนำเงินที่ได้มาปรับปรุงการให้บริการรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล และบริหารจัดการงานเดินรถสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ที่ BMCL เป็นผู้รับงานและได้ลงนามในสัญญาไปเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา รวมทั้งเตรียมไว้สำหรับรองรับงานเดินรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ส่วนที่ 2 จัดสรรจำหน่ายให้บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK จำนวน 4,200ล้านหุ้น โดยจะนำเงินที่ได้มาชำระหนี้ให้ CK ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักด้านเงินกู้ให้แก่ BMCL ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท รวมเงินต้นและดอกเบี้ยปัจจุบันเป็นเงิน 4,200 ล้านบาท ซึ่งการชำระหนี้ส่วนนี้จะทำให้ BMCL ลดต้นทุนการดำเนินงานได้อีก 200 ล้านบาทต่อปี

ส่วนที่ 3 จัดสรรจำหน่ายให้ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ BMCL 4 ราย คือ กรุงไทย ทหารไทย ธนชาต และกรุงศรีอยุธยา จำนวน 2,350 ล้านหุ้น โดยเงินที่ได้จะใช้ชำระดอก เบี้ยค้างจ่ายและค่าปรับปรุงตารางการชำระเงินทั้ง 4 ธนาคารรวม 2,350 ล้านบาท ดังนั้นก็จะเหลือภาระหนี้คือเงินต้น 10,000 ล้านบาท ซึ่งในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ BMCL
จะนำมติบอร์ดดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น