xs
xsm
sm
md
lg

คาดการณ์ทั่วโลกต้องลุ้นสหรัฐเพิ่มเพดานหนี้ถึงนาทีสุดท้ายก่อนเส้นตาย 17 ต.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

        ในขณะที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐปิดทำการนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นมา และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเปิดทำการได้อีกครั้งในเร็วๆนี้ สภาคองเกรสของสหรัฐก็เผชิญกับเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค.ในการปรับเพิ่มอำนาจการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐ มิฉะนั้นรัฐบาลสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้
        สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันเคยเผชิญหน้ากันครั้งใหญ่เรื่องเพดานหนี้ในเดือนส.ค.2011 ซึ่งการเผชิญหน้ากันในครั้งนั้นสิ้นสุดลง  ด้วยการบรรลุข้อตกลงก่อนถึงเส้นตายเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายได้รับแรงกดดันจากตลาดการเงิน และจากคำเตือนที่ว่าจะเกิดหายนะทางเศรษฐกิจถ้าหากรัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้
        ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายอาจบรรลุข้อตกลงกันในนาทีสุดท้ายในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
        สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้ปรากฏตัวในรายการทอล์คโชว์ทางโทรทัศน์เมื่อวานนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ส่งสัญญาณแต่อย่างใดว่า กำลังจะมีการบรรลุข้อตกลงกันในเรื่องการเปิดหน่วยงานรัฐบาลหรือการปรับเพิ่มเพดานหนี้ และทั้งสองฝ่ายต่างก็กล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นต้นเหตุของภาวะทางตันในครั้งนี้
        นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า "ผมเต็มใจที่จะนั่งลงเจรจากับท่านประธานาธิบดี" แต่เขากล่าวเสริมว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา "ปฏิเสธที่จะเจรจาต่อรอง และการปฏิเสธนี้ส่งผล ให้ประเทศของเราเผชิญกับความเสี่ยง"
        ทางด้านนายแจ็ค ลูว์ รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า "สภาคองเกรสกำลังเล่นกับไฟ" และกล่าวเสริมว่าปธน.โอบามาจะไม่เจรจาต่อรองจนกว่า "สภาคองเกรสจะทำงานของตนเอง" ด้วยการเปิดหน่วยงานรัฐบาลและปรับเพิ่มเพดานหนี้
        ปัญหาเรื่องการปิดหน่วยงานรัฐบาลและการเพิ่มเพดานหนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแยกต่างหากจากกันในตอนแรก แต่ปัญหาทั้งสองได้ถูกผูกรวมเข้าด้วยกันในเวลาต่อมาอันเนื่องจากเวลาที่กระชั้นชิด
        สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันสายอนุรักษ์นิยมคัดค้านการจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน จนกว่าปธน. โอบามาจะยอมอ่อนข้อด้วยการเลื่อนเวลาหรือตัดงบประมาณสำหรับกฎหมาย ปฏิรูประบบประกันสุขภาพของเขา หรือโอบามาแคร์ โดยการดำเนินงานภายใต้
    โอบามาแคร์ได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา        สมาชิกพรรครีพับลิกันสายอนุรักษ์นิยมหลายคนต้องการกำหนดเงื่อนไขแบบเดียวกันในการเพิ่มเพดานหนี้ อย่างไรก็ดี นายโบห์เนอร์ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องต่างๆของเขาในการเพิ่มเพดานหนี้เมื่อวานนี้ แต่เขาไม่ได้ระบุถึงกฎหมายประกันสุขภาพดีถ้วนหน้า (Affordable Care Act) หรือโอบามาแคร์
        นายโบห์เนอร์กล่าวว่า "ถึงเวลาแล้วในการหารือกันเกี่ยวกับปัญหางบรายจ่าย"  ซึ่งรวมถึงมาตรการในการจำกัดค่าใช้จ่ายในโครงการสวัสดิการสังคม เช่น เงิน บำนาญและเมดิแคร์ (โครงการประกันสุขภาพสำหรับคนชรา)
        เป็นที่คาดกันว่านายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาที่มาจากพรรคเดโมแครต จะตัดสินใจในเร็วๆนี้ว่าจะพยายามเปิดการอภิปรายอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ (clean bill) หรือไม่
        การผ่านร่างกฎหมายแบบนี้ในวุฒิสภาต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันอย่างน้อย 6 เสียงจากทั้งหมด 46 เสียง และเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกฝ่ายเดโมแครตอีก 54 เสียง 
        ผู้ช่วยวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตรายหนึ่งกล่าวว่า ร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้อาจถูกผนวกเข้ากับแผนริเริ่มใหม่ในการปฏิรูปกฎหมายภาษีสหรัฐ และแผนริเริ่ม   ในการประหยัดงบระยะยาวในโครงการสวัสดิการสังคมและเมดิแคร์ ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในโครงการเมดิแคร์เพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับจำนวนประชากรที่เกษียณอายุ
        สมาชิกสภาคองเกรสพรรครีพับลิกันได้เสนอแนวคิดอื่นๆ เช่น การยกเลิกภาษีอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการเพิ่มเพดานหนี้ในระยะสั้น เพื่อที่พรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะได้มีเวลาเจรจาต่อรองกันนานยิ่งขึ้น แต่การทำเช่นนี้   จะส่งผลให้ตลาดการเงินเผชิญกับความไม่แน่นอนต่อไป
        ภาษีอุปกรณ์ทางการแพทย์จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีรายได้ราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในเวลา 10 ปี และเงินดังกล่าวจะใช้เป็นทุนในการดำเนินโครงการโอบามาแคร์
        สมาชิกพรรคเดโมแครตบางรายสนับสนุนการยกเลิกภาษีนี้ แต่ยืนยันว่าต้องมีการหารายได้อื่นๆมาทดแทน และจะมีการพิจารณาเรื่องการยกเลิกภาษีนี้ก็ต่อเมื่อหน่วยงานรัฐบาลเปิดทำการอีกครั้ง และมีการเพิ่มเพดานหนี้
        ทั้งนี้ การบรรลุข้อตกลงในวุฒิสภาจะส่งผลให้สภาผู้แทนราษฎรต้องรับภาระ ต่อไป ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรใช้จุดยืนที่แข็งกร้าวในการต่อต้านโอบามาแคร์และการเพิ่มเพดานหนี้
        นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า ร่างกฎหมายแบบ clean bill อาจได้รับเสียงสนับสนุนที่มากพอจากสภาผู้แทนราษฎร ถ้าหากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตเกือบทุกคนจากทั้งหมด 200 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกันราว 20 คนจากทั้งหมด 232 คนลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ดี ถ้าหากนายโบห์เนอร์เปิดให้มีการลงคะแนนเสียงแบบนี้ การกระทำดังกล่าวก็จะถือเป็นการฝ่าฝืนนโยบายของเขาที่ว่าเขาจะไม่อนุญาตให้มีการโหวตในร่างกฎหมายใดๆก็ตาม ถ้าหากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง
        ทั้งนี้ ในการที่ข้อตกลงใดๆก็ตามจะประสบผลสำเร็จได้นั้น ผู้เจรจาต่อรองอาจจำเป็นต้องใช้วิธีการที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ทั้งสองฝ่าย ถึงแม้ว่าวิธีการดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางเดือนพ.ย. หรือเดือนธ.ค.
        ความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้อาจก่อให้เกิดภาวะปั่นป่วนวุ่นวายครั้งใหญ่ใน ตลาดการเงิน โดยในช่วงสองวันสุดท้ายที่สหรัฐประสบความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าวในเดือนส.ค. 2011 นั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์คดิ่งลง 11.2 %  และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ AA+ จาก AAA ในระยะนั้น
        มูดี้ส์และฟิทช์ยังคงจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐไว้ที่ขั้นสูงสุด โดยมูดี้ส์และ S&P ระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐมีแนวโน้ม "เสถียรภาพ" แต่ฟิทช์ระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐมีแนวโน้ม  "เชิงลบ"
        ทั้งมูดี้ส์, ฟิทช์ และ S&P ต่างก็ระบุว่าสถานะหนี้ของสหรัฐปรับตัวดีขึ้นมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) เติบโตอย่างต่อเนื่องถึงแม้ในอัตราที่เชื่องช้า และยอดขาดดุลงบประมาณมีแนวโน้มลดลง
        ฟิทช์ระบุในสัปดาห์ที่แล้วว่า อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐเผชิญความเสี่ยงจากความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้ในปัจจุบัน เพราะความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้ในระดับที่มากพอก่อนถึงกำหนดเส้นตาย จะส่งผลลบต่อความ ไว้วางใจในสหรัฐและความน่าเชื่อถือของสหรัฐในการปฏิบัติตามภาระผูกพัน
        ฟิทช์ระบุในวันที่ 1 ต.ค.ว่า ภาวะทางตันทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่อแนวโน้มของสหรัฐ
        ฟิทช์ระบุว่า "ความไว้วางใจนี้คือปัจจัยสำคัญที่รองรับสถานะสกุลเงินสำรองทั่วโลกของดอลลาร์สหรัฐ และเป็นสาเหตุที่ทำให้สหรัฐยังคงมีอันดับความน่าเชื่อถือขั้น AAA ถึงแม้ว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่ในระดับที่สูง กว่าของประเทศกลุ่ม AAA ประเทศอื่นๆเป็นอย่างมาก"
        นักลงทุนยังไม่ได้แสดงความกังวลมากนักต่อเส้นตายในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ อย่างไรก็ดี ดัชนีความผันผวนในตลาด CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดความกังวลของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ เริ่มปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. โดยดัชนี VIX พุ่งขึ้น 18 % ในสัปดาห์ที่แล้วและขึ้นไปแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นเวลาสั้นๆ
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
 
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
กำลังโหลดความคิดเห็น