xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 07/10/56

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 

James Rickard  “ในขณะที่คองเกรสเตรียมตัวสู้กันเรื่องเพดานหนี้เราต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลสหรัฐได้กู้เงินเกินเพดานไปแล้วเมื่อ 19 พ.ค. ปีนี้ ด้วยกรรมวิธีพิเศษของ ก.คลัง
 Eric Sprott  “ดีทรอยท์ ประกาศล้มละลายเพราะไม่มีรายได้พอมาจ่ายหนี้สินต่างๆ  แต่สหรัฐยังคงเดินหน้าเขียนเช็คจ่ายเงินได้เรื่อยๆ เพราะพิมพ์เงินเองได้ แต่ในที่สุดจะไม่มีใครรับดอลลาร์อีก
 Peter Schiff  ”เราต้องเลือกระหว่างการผิดนัดชำระหนี้กับการปั๊มเงินเข้าไปในระบบอีก เพราะเราไม่มีทางจะจ่ายคืนหนี้ได้เลย ซึ่งไม่ว่าจะไปทางไหน ผู้ลงทุนในพันธบัตรสหรัฐก็จะสูญเสียทั้งนั้น
 Marc Faber “ถ้าผมเป็นรัฐบาลที่ยึดแนวประชานิยม ผมจะบอกพลเมืองอเมริกันว่าพวกที่ร่ำรวยมหาศาลนั่นแหละที่ทำให้เศรษฐกิจของเราแต่ละคนย่ำแย่อย่างนี้มาถึง 20 ปี  คนพวกนี้ขโมยความมั่งคั่งของเราไปหมด แล้วผมก็จะเก็บ Wealth Tax ในอัตรา 50% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่คนรวยมีเกิน 20 ล้านดอลลาร์ ผมอาจจะเก็บภาษีมรดกถึง 50% ด้วย และนั่นจะทำให้พลเมืองอเมริกัน 99.9% ยอมผ่านกฏหมาย Welth Tax  แม้ว่ามันจะทำให้เกิดความหายนะ แต่เสียงส่วนมากของประเทศก็จะคิดว่าถูกแล้วเพราะนี่คือระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น นักการเมืองประชานิยมจึงใช้จุดอ่อนนี้ในการปล้นเงินจากคนรวยไปให้คนจนผ่านโครงการประชานิยม เพื่อให้ได้ฐานเสียง มันเป็นอย่างนี้มาตลอดในประวัติศาสตร์” 
 
ก.คลังสหรัฐ กล่าวว่า ถ้าสหรัฐผิดนัดชำระหนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจ โดยจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะเดียวกับตอนที่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อปี 2551 หรืออาจเลวร้ายยิ่งกว่านั้น และอาจจะส่งผลให้ตลาดสินเชื่อชะงักงัน ดอลลาร์ร่วงหนัก และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐพุ่งสูง
 จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า หนทางเดียวที่จะทำให้วิกฤติชัตดาวน์สิ้นสุดลงคือเดโมแครตต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายโอบามาแคร์เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาประเด็นการปรับเพิ่มเพดานหนี้ด้วย แต่เขาจะต้องเจรจากับสมาชิกพรรครีพับลิกันด้วยกันเอง 232 ราย ให้ยอมเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวก่อน
 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากมีมติเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 407 ต่อ 0 ในการอนุมัติร่างกฎหมายที่จะจ่ายเงินคืนแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ถูกพักงานราว 800,000 คน ในทันทีที่การชัตดาวน์สิ้นสุดลง
 ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ซึ่งจะจัดขึ้นที่อินโดนีเซียสัปดาห์นี้ และยกเลิกการเจรจาการค้าเสรีสหรัฐ-อียู ไปก่อน เพื่อรับมือกับปัญหาการเมืองภายในที่ทำให้ต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐ
 ก.กลาโหมสหรัฐ ประกาศว่าจะเรียกเจ้าหน้าที่พลเรือนส่วนใหญ่จากจำนวน 400,000 คนที่ถูกพักงานให้กลับมาเริ่มทำงานอีกครั้งในสัปดาห์นี้ 
 Goldman Sach  ระบุว่า มีโอกาส 30% ที่จะ Shutdown ไปเรื่อยๆ แม้คองเกรสจะเพิ่มเพดานหนี้ให้ก่อนเส้นตาย 17 ต.ค. นี้ เพราะรีพับลิกันและเดโมแครทต่างแสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ยอมให้ผิดนัดชำระหนี้ แต่มีโอกาส 60% ถ้า Shutdown ต่อเนื่องไปถึงสัปดาห์หน้าที่จะรวมวาระพิจารณาการใช้งบประมาณกับเรื่องเพดานหนี้ไว้ด้วยกัน ทั้งนี้ ถ้ายกเพดานหนี้ไม่ทันไปหลายสัปดาห์ จะทำให้คลังลดรายจ่ายหลายอย่างลงเพื่อทำให้ภาระหนี้ไม่เกินเงินสดที่ยังคงมีอยู่ในมือ ซึ่งหากจะให้พอ คลังต้องลดค่าใช้จ่ายรัฐลงไปหลายอย่าง และจะส่งผลกระทบให้ GDP ลดลงไป 9%
 Bilal Hafeez (Deutsche Bank _ FX Strategy Global Head) ระบุว่า หากรัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ดอลลาร์จะหนีไปยังสกุลเงินที่ปลอดภัยกว่าตามลำดับความเชื่อของผู้ลงทุน ได้แก่ JPY (เยนญี่ปุ่น) CHF (สวิสฟรังกส์)  EUR (ยูโร)  และ GBP (ปอนด์)  ส่วนเงินตราของ Emerging Market ที่มีสภาพคล่องจะได้รับผลกระทบ เพราะอ่อนไหวง่ายเมื่อเงินทุนต่างประเทศไหลออก
 คริสเตียน นอยเออร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป(ECB) ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (LTRO) ครั้งใหม่เพื่อไปลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน เนื่องจากสภาพคล่องในยูโรโซนมีมากพอ และยังมีมาตรการอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้ถ้าหากเกิดแรงกดดันด้านสภาพคล่องขึ้นมาอีก นอกจากนี้ ยังได้ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะฟื้นตัวก็ต่อเมื่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเกินระดับ 1% ต่อปี และมีความสมดุลทั้งในด้านการลงทุน การบริโภค และการส่งออก 
 มาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ เตือนผู้ซื้อบ้านให้ระวังแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่จะจะปรับตัวสูงขึ้นแน่เมื่อเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัว ทั้งนี้ ฮาลิแฟกซ์ รายงานว่าราคาบ้านในอังกฤษเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว โดยมีปัจจัยหนุนจากอุปทานที่จำกัดในบางท้องที่และการลงทุนจากต่างประเทศ
 คริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ IMF กล่าวสนับสนุนแผนการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มของญี่ปุ่นจาก 5% เป็น 8% ในปีหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะสูงถึง 250% ของจีดีพี 
 ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังไม่ใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นภาษีการขายได้ และได้คงระดับการประเมินเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวขึ้นในระดับปานกลาง และมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ชะลอตัวลง และการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วนของสหรัฐ 
 HSBC รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของฮ่องกงอยู่ที่ 50.0 จุดในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน ส.ค.ที่เป็น 49.7 จุด โดยยอดการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในขณะที่แรงกดดันด้านราคามีมากขึ้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายวัตถุดิบและผลผลิตสูงขึ้นต่อเนื่อง 
 Moody’s ลดแนวโน้มความน่าเชื่อของพันธบัตรรัฐบาลบราซิล โดยลด ”แนวโน้ม” เศรษฐกิจของบราซิลลงจาก ”เชิงบวก” ลงเป็น ”มีเสถียรภาพ” แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของบราซิลที่ Baa2 โดยมีเหตุจากสัดส่วนหนี้สินของรัฐบาลต่อ GDP และสัดส่วนการลงทุนต่อ GDP ต่ำกว่าอันดับของพันธบัตรรัฐบาลประเทศอื่นๆ ที่มีความน่าเชื่อถือในอันดับเดียวกัน รวมทั้งมีเหตุจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยคาดว่า GDP ในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 2%
 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้กรมบัญชีกลางเตรียมเร่งใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 25% ของงบประมาณทั้งหมดภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2557 (ไตรมาส 4/2556) โดยงบประมาณรายจ่ายปี 2557 มีวงเงิน 2.52 ล้านล้านบาท โดยประมาณการรายได้รวมไว้ 2.27 ล้านล้านบาท ทำให้งบประมาณขาดดุล 2.5 แสนล้านบาท
 
SET Index ปิดที่ 1,427.72 จุด ลดลง 1.46 จุด หรือ -0.10% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 31,447 ล้านบาท หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายฯ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้หุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงบ่าย เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในประเทศอื่นทั้งภูมิภาคเอเชียและยุโรป ซึ่งอาจจะสะท้อนว่าตลาดหลายแห่งไม่ได้กังวลอะไรกับปัญหา US Government Shutdown ทั้งนี้ หุ้นที่นำดัชนีหุ้นไทยติดลบได้แก่กลุ่มธนาคารพาณิชย์

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทุกรุ่น โดยเปลี่ยนแปลงในช่วง 0.00% ถึง +0.01%   สำหรับวันนี้มีการประมูลตั๋วเงินคลัง อายุ 28 วัน มูลค่า 25,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น