“พิรมล”ฝากงานผู้บริหารใหม่ ติวเข้มคนพาณิชย์ช่วยผู้ประกอบการภูมิภาครับมือ AEC หลังเริ่มเปิดเสรีเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะภาคบริการจะเปิดให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้ 70% ในสาขานำร่อง เปิดให้เข้าไปทำอาชีพในอาเซียนได้ถึง 8 อาชีพ รวมทั้งยังมีการเจรจาเปิดเสรีกับคู่เจรจามากขึ้น
นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนพัฒนาบุคลากรของกระทรวงพาณิชย์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัด เพื่อรองรับศูนย์ AEC ระดับจังหวัด อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะดำเนินการทั่วทั้ง 4 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคกลางกับภาคตะวันออก โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคนพาณิชย์ที่สังกัดหน่วยงานต่างๆ ทั้งพาณิชย์จังหวัด การค้าภายในจังหวัด พัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด ผู้อำนวยการศูนย์ชั่งตวงวัด ผู้อำนวยการสำนักงานการค้าต่างประเทศ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาค ให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ AEC
“กรมฯ จะพัฒนาเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงพาณิชย์ในส่วนภูมิภาค ให้มีความรู้ และเข้าใจ เกี่ยวกับ AEC อย่างต่อเนื่องทุกปี จะได้สามารถไปถ่ายทอดให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปในจังหวัดได้ต่อไป เพราะขณะนี้ AEC มีความคืบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ และใกล้ที่จะเปิดเสรี AEC ในปี 2558 แล้ว และอยากฝากให้ผู้บริหารใหม่ดำเนินการต่อ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ”
นางพิรมลกล่าวว่า ขณะนี้การเจรจาในกรอบอาเซียนมีความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยได้มีการลงนามในข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการบริการของอาเซียน และการเสนอข้อผูกพันฯ ชุดที่ 9 ซึ่งเป็นข้อเสนอฉบับสมบูรณ์ด้านการค้าบริการของอาเซียน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนอาเซียนสามารถเข้าไปถือหุ้นในสาขาบริการนำร่อง คือ เทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) สุขภาพ ท่องเที่ยว การบิน และโลจิสติกส์ ได้ 70% และตามเป้าหมายในปี 2558 นักลงทุนอาเซียนจะสามารถถือหุ้นในธุรกิจบริการอื่นๆ ได้ถึง 70%
ทั้งนี้ อาเซียนยังได้เพิ่มสาขาอาชีพที่สามารถเข้าไปประกอบอาชีพในประเทศสมาชิกอื่นของอาเซียนได้ อีก 1 สาขา คือ สาขาการท่องเที่ยว จากเดิมที่อนุญาตแล้ว 7 อาชีพ ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล นักบัญชี วิศวกร สถาปนิก ช่างสำรวจ รวมทั้งยังมีความคืบหน้าการเจรจาการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในภูมิภาค (RCEP) ระหว่างอาเซียนกับ 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเจรจาให้เสร็จในปี 2558 และจะกลายเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ อาเซียนยังมีการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร มาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อให้สินค้าที่ค้าขายในอาเซียนมีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค เพราะมาตรฐานนี้จะพัฒนาต่อไปเป็นมาตรฐานสินค้าเดียวกันทั่วโลกด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการให้เตรียมความพร้อมในการผลิตสินค้า
