xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” แจงแผนถก RCEP กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนนั่งโต๊ะเจรจานัดแรก 9-13 พ.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” เปิดเวทีชี้แจงแนวทางเจรจาข้อตกลง RCEP ก่อนนั่งโต๊ะคุยนัดแรก 9-13 พ.ค.นี้ เผยจะเกิดข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก มั่นใจไทยได้ประโยชน์เพียบทั้งด้านการค้า การลงทุน

นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการเปิดงานสัมมนาเรื่อง “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ว่า ได้จัดเวทีเพื่อชี้แจงและรายงานสถานะล่าสุดของการเจรจาความตกลง RCEP ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนได้รับทราบ ก่อนที่จะมีการเปิดการเจรจา RCEP อย่างเป็นทางการครั้งแรกวันที่ 9-13 พ.ค. 2556 ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไน

ทั้งนี้ กรมฯ ยืนยันว่าการเจรจา RCEP จะทำให้เกิดกลุ่มการค้าที่ใหญ่ที่สุดฉบับหนึ่งของโลก และจะเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรรวมกันกว่า 3,358 ล้านคน หรือคิดเป็น 50% ของประชากรโลก และมี GDP รวมกันถึง 17.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 27% ของ GDP โลก และจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางการค้ากับไทยมากมายทั้งด้านการค้าสินค้า และการลงทุน เนื่องจากความตกลง RCEP จะเปิดตลาดมากขึ้นกว่าข้อตกลง FTA ที่อาเซียนมีกับคู่เจรจาเป็นรายประเทศ

นอกเหนือจากการเปิดเสรีที่เพิ่มมากขึ้น RCEP จะครอบคลุมประเด็นใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน เช่น การแข่งขันทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น อันจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการรวมตัวกันของอาเซียนกับประเทศผู้เข้าร่วม และนับเป็นก้าวสำคัญของยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศของไทยและอาเซียน

อย่างไรก็ตาม กรมฯ พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการเจรจา โดยในการสัมมนาครั้งนี้ ยังได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สินค้าเกษตร อาหาร ยานยนต์ ลอจิสติกส์ การค้าปลีก ซึ่งจะนำข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นที่ได้ไปจัดทำเป็นท่าทีในการเจรจาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศต่อไป

สำหรับ RCEP เป็นความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศนอกกลุ่มอาเซียนอีก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยประเทศอาเซียนและคู่เจรจามีเป้าหมายที่จะให้การเจรจาความตกลง RCEP เป็นความตกลงยุคใหม่ โดยมีอาเซียนเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนภายในภูมิภาค โดยตั้งเป้าหมายเจรจาให้เสร็จในปี 2558 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีผลบังคับใช้
กำลังโหลดความคิดเห็น