ส.อุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทยตบเท้ายื่นหนังสือถึงเรกูเลเตอร์จี้ทบทวน 5 ประเด็นหลักการรับซื้อไฟจากแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาหรือ โซล่าร์รูฟที่รัฐส่งเสริมล็อตแรก 200 เมกะวัตต์ชี้ส่อแววถูกฟ้องร้อง ทั้งการขอรง.4ไม่ชัด ขั้นตอนรับซื้อแบบมาก่อนได้ก่อนส่อเปิดช่องทุจริต
นายดุสิต เครืองาม นายกสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย เปิดเผยว่า วานนี้(3ก.ย.)สมาคมฯได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรกูเลเตอร์) ให้พิจารณาทบทวนแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซล่าร์รูฟ) ระยะแรก 200 เมกะวัตต์ 5 ประเด็นหลักเนื่องจากเกรงว่าหากกระบวนการต่างๆ เป็นไปตามปกติที่สุดจะเกิดความไม่โปร่งใสและนำมาซึ่งการฟ้องร้องจากภาคประชาชนซึ่งในที่สุดโครงการดังกล่าวอาจไม่สามารถเกิดได้ตามเป้าหมายที่กระทรวงพลังงานวางไว้
สำหรับ 5 ข้อหลักที่เสนอได้แก่ 1. ยังไม่มีความชัดเจนว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)จะมีการยกเว้นใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน(รง.4) สำหรับการติดตั้งและขายไฟโซลาร์รูฟหรือไม่ จึงขอให้สรุปความชัดเจนก่อนที่จะประกาศระเบียบซื้อไฟฟ้าได้เพราะหากไม่ชัดเจนจะทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการดำเนินงานได้เพราะระเบียบกรอ.ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามก่อสร้างโรงไฟฟ้าในสถานที่เช่น โรงเรียน วัด ราชการ แหล่งชุมชน ฯลฯแถมระเบียบผังเมืองยังล็อคไว้อีกชั้นแทบจะเลี่ยงติดตั้งไม่ได้
“ ผมเกรงว่ากระทรวงพลังงานก็รับซื้อ แต่รง.4 ไม่ได้ก็จะติดตั้งไม่ได้จะเกิดปัญหาแน่ ประชาชนที่จะขอติดตั้งจะเดือดร้อน จึงต้องการให้ชัดเจนก่อนไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่มาก”นายดุสิตกล่าว
2.ขอให้ทบทวนกระบวนการรับซื้อไฟฟ้าจากโซล่าร์รูฟที่ระบุใน(ร่าง) ระเบียบของเรกูเลเตอร์ที่กำหนดให้ใช้วิธีการคัดเลือกโดยเรียงลำดับตามคำขอขายไฟที่ได้รับเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์หรือ First Come First Serve ไม่มีความเหมาะสมเพราะอาจมีกระบวนการซื้อขายคิวที่จะไปเสนอได้ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส จึงขอให้ใช้วิธีการจับฉลากจากผู้ที่ผ่านการตรวจสอบเอกสารสมบูรณ์แล้ว
3.สถานที่ยื่นเอกสารที่กำหนดให้ยื่นที่สำนักงานเขตตัวแทนภาคละเพียง 1 แห่งโดยต่างจังหวัดยื่นที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ได้แก่ ภาคเหนือยื่นที่จ.พิษณุโลก ภาคกลางยื่นที่จ.อยุธยา ภาคอีสานยื่นที่จ.นครราชสีมา ส่วนภาคใต้ยื่นที่จ.เพชรบุรี เห็นว่าไม่เหมาะสมเพราะเป็นภาระต่อประชาชนและอาจไม่ชอบด้วยกฏหมายเพราะอาจเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบจึงขอให้ยื่นได้ที่สำนักงานจังหวัดของกฟภ.ทั่วประเทศหรือสำนักงานเขตกฟภ. ส่วนกรณีการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ให้ยื่นที่สำนักงานเขตเช่นเดิม
4. ขอให้เลื่อนระยะเวลาวันที่เริ่มยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าออกไปเป็นประมาณวันที่ 20 ก.ย. 56 เป็นต้นไปและจะต้องประกาศให้ประชาชนทราบล่วงหน้า 5. ขอให้ทุกส่วนทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับทราบนโยบายดังกล่าวโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังมีประเด็นปลีกย่อยที่ได้นำเสนอเช่น ขอให้ขยายเวลาการติดตั้งโซล่าร์เซลจากกำหนดเดิมภายใน 30 ธ.ค.56ออกไปอีกอย่างน้อย 3 เดือนเพราะเชื่อว่าจะไม่ทันแน่นอน
