กาญจนบุรี - DSI ลงพื้นที่เมืองกาญจนบุรีตามคำร้องกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ เข้าเก็บตัวอย่างสารพิษไปตรวจสอบ มั่นใจ ตำรวจท้องที่จัดการเองได้ ส่วนจะนำไปเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ต้องนำข้อมูลพิจารณา
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (30 ส.ค.56) พ.ต.ท.ทศพร ณ หนองคาย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.ณัฐพล คูหาเรืองรอง เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยนางภินันทน์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ เดินทางไปที่บริเวณจุดทิ้งถุงบิ๊กแบ็กที่บรรจุตระกันหลอมอลูมีเนียม และจุดที่ทิ้งสารโพริเมอร์ และบริเวณเชิงเขาที่ทิ้งขยะของเทศบาลตำบลท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อเก็บตัวอย่างของสารเคมีที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่เพื่อนำไปตรวจสอบอีกทางหนึ่ง ส่วนจะนำไปเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ต้องนำข้อมูลพิจารณา
พ.ต.ท.ทศพร ณ หนองคาย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า เราได้รับคำสั่งจากอธิบดี ดีเอสไอ ให้เข้ามาตรวจสอบจุดที่ถูกทิ้งสารเคมี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ สำหรับจุดที่ทิ้งตระกันหลอมอลูมิเนียม พบร่องรอยของการขุดหน้าดินไปทำลาย แต่ก็ยังพบตระกันของอลูมิเนียมหลงเหลืออยู่ นอกจากนั้นยังมีอลูมิเนียมที่จับตัวกันเป็นก้อนขนาดน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม จึงได้เก็บเพื่อนำไปเป็นหลักฐาน ส่วนผิวดินเจ้าหน้าที่ได้นำปูนขาวมาปิดหน้าดินเอาไว้ แต่ยังคงมีกลิ่นเหม็นโชยออกมาอยู่ หากมีลมพัดมาก็จะยังคงได้กลิ่นเหม็นมากขึ้น ส่วนจุดที่นำถังพลาสติกบรรจุโพลิเมอร์ ไปทิ้งก็มีลักษณะที่คล้ายๆกัน ยังคงมีกลิ่นเหม็น มีร่องรอยของต้นไม้และหญ้าแห้งตายเป็นระยะทางยาว
จากการตรวจสอบยังพบว่ามีการนำขยะสารพิษมาทิ้งที่บริเวณบ่อทิ้งขยะของทางเทศบาลตำบลท่าล้อด้วย โดยมีร่องรองจากการเผาไหม้ และมีเศษตระกันหลอมอลูมิเนียมอยู่ แต่ร่องรอยที่พบมีความแตกต่างจากที่เราไปตรวจสอบสารพิษในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม อันนั้นเป็นของเสียที่เป็นน้ำ ส่วนที่พบในที่แห่งนี้ทราบว่าเป็นสารแคตเมียม และโครเมียม สิ่งเหล่านี้ที่จริงแล้วจะต้องนำไปบำบัดที่โรงงานที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย แต่กับพบว่ามีการลักลอบนำมาทิ้ง
แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าสามารถนำมาทิ้งในป่าแห่งนี้ได้อย่างไร เชื่อว่ามูลเหตุจูงใจที่นำมาทิ้งคงมาจากมูลค่าราคาในการนำไปบำบัดเท่าที่ทราบจะมีค่าใช้จ่ายถึงตันละหนึ่งหมื่นบาท แต่อย่างไรก็ตามประชาชนในพื้นที่หรือผู้นำท้องถิ่นจะต้องเฝ้าระวังอย่าปล่อยให้มีการนำสารพิษเหล่านี้มาทิ้งในพื้นที่ของตนอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสารพิษชนิดนี้อาจจะเป็นสารก่อมะเร็งก็เป็นได้ แต่การเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อนำเอาประสบการณ์ที่ทางดีเอสไอเคยทำหน้าที่มา โดยจะให้ความรู้กับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง ในการดำเนินการทำสำนวนคดี
ส่วนจะเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น จะต้องนำไปพิจารณาต่อไป แต่ที่แน่นอนก็คือว่า บริษัทที่ผลิตสารเคมีเหล่านี้จะต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ถูกดำเนินคดีทางอาญา แต่ทางแพ่ง บริษัทผู้ผลิตจะต้องรับผิดชอบตรงนี้ด้วย ภายหลังการตรวจสอบแล้ว เราจะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง เพื่อขอดูสำนวนการสอบสวนต่อไป
ด้านนางภินันทน์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ กล่าวว่า หลังจากที่มีผู้ลักลอบนำสารเคมีมาทิ้งในพื้นที่ป่าเชิงเขาตอง หมู่ 6 ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง หลังจากทราบข่าวทางกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ ก็ได้มีการติดตามการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรมโรงงานอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง
"จากการติดตามทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการไดแล้วจำนวนหนึ่ง และอยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 1 คน แต่อย่างไรก็ตามสารเคมีที่ถูกนำมาทิ้ง ทราบว่าเป็นสารพิษที่มีอันตรายต่อร่างกายของมนุษย์ และอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น ทางกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ จึงได้ยื่นหนังสือถืงกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อให้มาร่วมตรวจสอบด้วย และเชื่อว่าจะสามารถนำตัวผู้ร่วมกระทำผิดมาดำเนินคดีได้โดยเร็ว"
คลิกเพื่อชมคลิป