ASTVผู้จัดการรายวัน - เครือข่ายคัดค้านการปรับขึ้นราคาแอลพีจีตั้งโต๊ะล่ารายชื่อไล่ รมว.พลังงานและข้าราชการระดับสูงวันแรกมีประชาชนทยอยลงชื่อไล่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน บ่งชี้ประชาชนเดือดร้อนจากการปรับขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือนโดย “เพ้ง” แถการขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือนไม่กระทบต่อค่าครองชีพประชาชน อ้างรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้ใช้ก๊าซราคาถูก โดยให้เข้ามาลงทะเบียนได้ตลอดไม่มีวันหมดเขต
วันนี้ (1 ก.ย.) เครือข่ายคัดค้านการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนได้มีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชนร่วมลงชื่อ 50,000 รายเพื่อตรวจสอบและถอดถอนนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ปลัดกระทรวงพลังงาน อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นวันแรก พบว่ามีประชาชนทยอยมาลงลายมือชื่อกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้า
การยื่นถอดถอนรายชื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่สำคัญในการกำหนดนโยบาย บริหารจัดการ กำกับดูแลผลประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมให้เป็นธรรม แต่พบว่าบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมส่อไปว่าจงใจใช้อำนาจไปทางมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนจนก่อให้เกิดการผูกขาดตัดตอนในธุรกิจพลังงาน การให้ข้อมูลเท็จว่าการใช้แอลพีจีในยานยนต์เป็นการใช้ผิดประเภท รวมทั้งเลือกปฏิบัติในการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากกลุ่มอุตฯ ปิโตรเคมีเพียง 1 บาท/กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าภาคอุตสาหกรรมอื่นที่จ่ายอยู่ 12 บาท/กิโลกรัม ทั้งๆ ที่ปิโตรเคมีมีการใช้ก๊าซแอลพีจีสูงเกือบ 3 พันล้านกิโลกรัม/ปี สร้างความไม่เป็นธรรมระหว่างภาคอุตสาหกรรมด้วยกันเอง และยังเป็นการผลักภาระการจ่ายเงินเข้ากองทุนฯให้แก่ประชาชนผู้ใช้น้ำมันด้วย
นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทย กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ มีประชาชนคนชั้นกลางและทั่วไปมาร่วมลงลายมือที่หน้าป้ายรถเมล์หน้าสำนักงานใหญ่ปตท.อย่างต่อเนื่องทั้งที่เป็นวันหยุด ขณะเดียวกันก็มีการตั้งโต๊ะลงชื่อที่สวนลุม และตามจังหวัดต่างๆโดยมีเครือข่ายผู้บริโภคประสานงานร่วมกัน เพื่อให้ได้รายชื่อครบ 50,000 รายชื่อตามเป้าหมายเพื่อยื่นต่อรัฐสภา และผู้ตรวจราชการแผ่นดินต่อไป
ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯจะตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาลงชื่อที่ป้ายรถเมล์หน้าสนง.ใหญ่ปตท.ในวันนี้จนถึงวันที่ 8 ก.ย.นี้ และในวันที่ 9 ก.ย.จะนัดชุมนุมใหญ่หน้าสำนักงานใหญ่ปตท.ตั้งแต่เวลา 09.09-19.00 น. เพื่อแสดงพลังภาคประชาชนในการคัดค้านและให้ยุติการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีครัวเรือนที่เริ่มขยับขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ในอัตรากิโลกรัมละ 0.50 บาท
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ แม้จะเป็นวันแรกของการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน แต่ไม่กังวลเรื่องการขอใช้สิทธิของประชาชน สามารถมาขอขึ้นทะเบียนได้ต่อเนื่อง เพราะไม่ได้กำหนดระยะเวลาและไม่มีวันหมดเขต ซึ่งจะเห็นได้ว่าวันนี้ยังมีคนได้รับสิทธิทยอยเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนแน่นอน เพราะรัฐบาลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้ใช้แอลพีจีราคาเดิมต่อไป ส่วนผู้มีรายได้มากจะไม่มีผลกระทบต่อราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เพราะราคาก๊าซที่ปรับขึ้นครั้งนี้จะสะท้อนต้นทุนเพียง 2 สตางค์เท่านั้น หากร้านค้าใดที่ฉวยโอกาสปรับราคาเกินความเป็นจริงขอให้ประชาชนแจ้งกระทรวงพาณิชย์ได้ทันที
ส่วนร้านค้าก๊าซที่เข้าร่วมโครงการ 30,000 ร้านค้าทั่วประเทศ จากทั้งหมด 38,000 ร้านนั้น อาจจะมีปัญหาการให้บริการในช่วงแรกกับผู้มาขอใช้สิทธิที่อาจจะสะดุดวิธีกดรหัสบ้าง แต่เชื่อว่า 2-3 สัปดาห์ ร้านค้าจะมีความชำนาญ เพื่อให้การให้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น เพราะกระทรวงพลังงานมีการจัดฝึกอบรมร้านค้ามาแล้ว
สำหรับการปรับราคาแอลพีจีภาคขนส่งนั้นจะต้องมีการประชุมเพื่อพิจารณาปรับราคาและช่วยเหลือภาคบริการขนส่งสาธารณะเพื่อผู้มีรายได้น้อย ไม่ว่าจะเป็นรถตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ และรถสองแถว โดยจะมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มผู้ให้บริการที่มีรายได้น้อยเป็นหลัก