ASTVผู้จัดการ - ส.ส.เพื่อไทย แหกกฎอีกแล้ว เส้นใหญ่โทร.สั่ง “ผู้ใหญ่เจ้าจำปี” บีบกัปตันให้เปิดประตูเครื่องการบินไทยเที่ยวบิน TG141 ให้พวกตนลงที่ดอนเมือง หลังนักบินนำเครื่องลงพัก เนื่องจากสภาพอากาศที่สุวรรณภูมิแปรปรวน อ้างไหนๆ ก็จอดอยู่-ใกล้บ้านกว่า
วันนี้ (20 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวภายในบริษัท การบินไทย จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ในเที่ยวบินทีจี 141 ต้นทางจากสนามบินจังหวัดเชียงราย ปลายทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีกำหนดเดินทางออกจากสนามบินจังหวัดเชียงรายเวลา 20.25 น. และถึงปลายทางที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 21.45 น. ระหว่างที่เครื่องบินมาถึงกรุงเทพฯ เนื่องจากสภาพอากาศบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิแปรปรวน และนักบินประเมินแล้วว่าการลงจอดอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ กอปรกับน้ำมันไม่เพียงพอกับการบินวนเพื่อรอเวลานำเครื่องลง กัปตันจึงตัดสินใจนำเครื่องลงจอดที่สนามบินดอนเมืองเพื่อพักเครื่องชั่วคราว และรอคำสั่งจากหอบังคับการบินให้อากาศปกติปลอดภัยก่อนจึงจะนำผู้โดยสารไปลงที่ปลายทาง ณ สนามบินสุวรรณภูมิต่อไป
ระหว่างที่เที่ยวบินทีจี 141 ดังกล่าวพักเครื่องอยู่ที่สนามบินดอนเมือง กลับมีสมาชิกรัฐสภาของไทยพร้อมผู้ติดตามรวม 7 รายได้เรียกร้องให้พนักงานต้อนรับและกัปตันเปิดประตูให้พวกตนลงที่สนามบินดอนเมืองแทนสนามบินสุวรรณภูมิ โดยอ้างว่าไหนๆ ก็ลงจอดพักเครื่องแล้ว และหากลงที่สนามบินดอนเมืองจะใกล้ที่พักของพวกตนมากกว่า
อย่างไรก็ตาม คำขอดังกล่าวของสมาชิกรัฐสภากลุ่มดังกล่าว ทำให้นักบิน พนักงานต้อนรับ และพนักงานภาคพื้นรู้สึกลำบากใจมาก เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎการบิน เนื่องจากการถ่ายเทผู้โดยสารและสัมภาระนั้นมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่แน่ชัดว่าต้องกระทำที่ปลายทางเท่านั้น ทั้งมีผลกระทบต่อ Load Safety ของเครื่องบิน และต้องมีการจัดหาบริการภาคพื้น (Ground Handling) เนื่องจากการบินไทยไม่มีบริการภาคพื้นที่สนามบินดอนเมือง ทำให้ต้องประสานงานไปยังสายการบินนกแอร์ หรือแอร์เอเชีย นอกจากนี้การกระทำดังกล่าวยังจะทำให้นักบินผู้ควบคุมเครื่องถูกสอบสวนได้
“จริงๆ การขึ้นเครื่องบินไม่เหมือนขึ้นรถทัวร์ หรือ บขส. ที่ผู้โดยสารจะขอขึ้น-ขอลงที่ไหนก็ได้ เพราะมีกฎระเบียบทางการบินอยู่ที่ควบคุมอยู่ และใช้ปฏิบัติกันในระดับสากล” แหล่งข่าวระบุ
กระนั้นหลังจากการต่อรองกันอยู่สักพัก โดยกลุ่มผู้โดยสารของสมาชิกรัฐสภาได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับ “ผู้ใหญ่ในบริษัท” จึงมีคำสั่งระบุให้นักบินอนุญาตให้ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวลงจากเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองได้ โดยมีผู้โดยสารเป็นสุภาพสตรีในชั้นธุรกิจขอลงอีก 1 คน ทั้งนี้ ผู้โดยสารหญิงคนดังกล่าวยังมีสัมภาระในโหลดใต้ท้องเครื่องอีก 11 กิโลกรัม ซึ่งต้องดำเนินการอย่างทุลักทุเล เนื่องจากมีสัมภาระของชาวต่างชาติบนเครื่องบางส่วนที่ต้องขึ้นเที่ยวบินอื่นต่อไปยังปลายทางในทวีปยุโรปด้วย
จากการเปิดเผยเบื้องต้นของแหล่งข่าวในบริษัทการบินไทย ระบุว่า กลุ่มของสมาชิกรัฐสภาดังกล่าวประกอบไปด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย และนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ซึ่งล่าสุดยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมอีกด้วย
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า กรณีที่นักบินยอมให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางนั้น ถ้าจะทำได้ต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งกรณีเที่ยวบิน ทีจี 141 ได้มีคำสั่งให้นักบินยอมทำตามที่ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวต้องการเพราะไม่ต้องการให้มีปัญหากับนักการเมือง ในขณะที่ทางบริษัทการบินไทยให้สรุปกรณีดังกล่าวว่า เป็นการพิจารณาของนักบินได้ไม่ผิด โดยมีการอ้างว่าผู้โดยสารรู้สึกกดดัน
นายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) กล่าวว่า ตามกฎการบินไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบินได้หากไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ในตั๋วแม้จะเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยและสนามบิน ยกเว้นกรณีสนามบินปลายทางเกิดเหตุ เช่น มีการก่อวินาศกรรม จนไม่สามารถนำเครื่องบินลงจอด จะเป็นกรณียกเว้นที่ให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบินและใช้สนามบินอื่นเป็นปลายทางแทน กรณีมีปัญหาสภาพอากาศที่สนามบินปลายทาง และต้องใช้เวลารอนาน อาจจะให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องบินและมาพักรอภายในพื้นที่ของสนามบินได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบเหตุกรณีที่เที่ยวบินการบินไทยให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องบินที่ดอนเมืองในขณะที่ปลายทางเป็นสุวรรณภูมิ ซึ่งในทางปฏิบัติทำไม่ได้ เพราะเมื่อเครื่องบินลงที่ปลายทางรายชื่อผู้โดยสารที่ขึ้นมาจากต้นทางก็จะไม่ครบ
