ASTVผู้จัดการรายวัน-ส.ส.เพื่อไทย อวดบารมี สั่งบิ๊กการบินไทย บีบนักบิน เที่ยวบิน ทีจี 141 (เชียงราย-สุวรรณภูมิ) เปิดประตู ลงที่ดอนเมืองแทน หลังเครื่องบินเจอสภาพอากาศแปรปรวนต้องพักเครื่องรอที่ดอนเมืองชั่วคราว ชี้ผิดกฎการบินกระทบความปลอดภัยและผู้โดยสารอื่นที่ต้องเสียเวลา
แหล่งข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เที่ยวบินที่ ทีจี41 ซึ่งออกเดินทางจากจังหวัดเชียงรายเวลา 20.25 น. กำหนดลงปลายทางที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 21.45 น.แต่เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนนักบินไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้ในขณะที่น้ำมันเหลือไม่เพียงพอที่จะทำการบินวนรอจึงนำเครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมืองชั่วคราวเพื่อรอคำสั่งจากหอบังคับการบินในการนำเครื่องไปลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามกำหนดต่อไป โดยระหว่างที่เที่ยวบินทีจี 141 พักเครื่องอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ได้มีผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งประมาณ 7 คน ได้เรียกร้องให้พนักงานต้อนรับและนักบินเปิดประตูเพื่อลงที่ท่าอากาศยานดอนเมืองแทน โดยอ้างว่าไหนๆ ก็ลงจอดพักเครื่องแล้ว และหากลงที่สนามบินดอนเมืองจะใกล้ที่พักมากกว่า ซึ่งทำให้นักบิน พนักงานต้อนรับ และพนักงานภาคพื้นรู้สึกลำบากใจมากเพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎการบิน เนื่องจากการถ่ายเทผู้โดยสารและสัมภาระนั้นมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่แน่ชัดว่าต้องกระทำที่ปลายทางเท่านั้น
ซึ่งจากการตรวจสอบได้รับการยืนยันว่า ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวเป็นสมาชิกรัฐสภาพร้อมผู้ติดตามประกอบไปด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ซึ่งล่าสุดยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมอีกด้วย และนางจิรา
วรรณ จงสุทธนามณี วัฒนศิริธร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เชียงรายรวมอยู่ด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า โดยปกตินักบินไม่สามารถให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องที่ไม่ใช้จุดหมายปลายทางได้ เนื่องจากจะกระทบกับ Load Safety ของเครื่องบิน และจะต้องเสียเวลาในการจัดหาบริการภาคพื้น (Ground Handling ) ซึ่งการบินไทยไม่มีบริการภาคพื้นที่ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ต้องประสานไปยังสายการบินนกแอร์หรือไทยแอร์เอเชีย ที่เป็นผู้ให้บริการอยู่
ซึ่งกรณีดังกล่าวหากอากาศเปิดและหอบังคับการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแจ้งว่าสามารถนำเครื่องลงจอดได้แล้ว จะต้องดำเนินการทันทีตามเวลาที่หอบังคับการบินจัดสรรไว้เพื่อไม่ให้กระทบต่อเที่ยวบินอื่นของสุวรรณภูมิ
“การขึ้นเครื่องบินไม่เหมือนขึ้นรถทัวร์ หรือ บขส. ที่ผู้โดยสารจะขอขึ้น-ขอลงที่ไหนก็ได้ เพราะมีกฎระเบียบทางการบินอยู่ที่ควบคุมอยู่ และใช้ปฏิบัติกันในระดับสากล” แหล่งข่าวระบุ
โดยหลังจากการต่อรองกันอยู่สักพัก กลุ่มผู้โดยสารของสมาชิกรัฐสภาได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับ “ผู้ใหญ่ในบริษัท” จึงมีคำสั่งให้นักบินอนุญาตผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวลงจากเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองได้ โดยมีผู้โดยสารเป็นสุภาพสตรีในชั้นธุรกิจขอลงอีก 1 คน ซึ่งผู้โดยสารหญิงคนดังกล่าวยังมีสัมภาระในโหลดใต้ท้องเครื่องอีก 11 กิโลกรัม ซึ่งต้องดำเนินการอย่างทุลักทุเล เนื่องจากมีสัมภาระของชาวต่างชาติบนเครื่องบางส่วนที่ต้องขึ้นเที่ยวบินอื่นต่อไปยังปลายทางในทวีปยุโรปด้วย โดยสุดท้ายมีผู้โดยสารลงที่ดอนเมืองทั้งสิ้น 17 คน จากนั้นเครื่องบินจึงทำการบินมาลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ในเวลาเกือบเที่ยงคืน
แหล่งข่าวกล่าวว่า กรณีที่นักบินยอมให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางนั้น ถ้าจะทำได้ต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งกรณีเที่ยวบิน TG 141ได้มีคำสั่งให้นักบินยอมทำตามที่ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวต้องการเพราะไม่ต้องการให้มีปัญหากับนักการเมือง ในขณะที่ ทางบริษัทการบินไทยให้สรุปกรณีดังกล่าวว่า เป็นการพิจารณาของนักบินได้ไม่ผิดโดยมีการอ้างว่า ผู้โดยสารรู้สึกกดดัน
***** วิสุทธิ์ ไชยอรุณโต้ข่าว
นายวิสุทธิ์ ไชยอรุณ รองประธานสภาฯ คนที่สอง และ ส.ส.เพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า ตนได้นั่งมาในเที่ยวบินดังกล่าวจริง และเครื่องบินได้แวะจอดพักที่สนามบินดอนเมืองจริง แต่ตนไม่ได้กระทำบีบบังคับใดๆตามที่เป็นข่าว ตนและกลุ่ม ส.ส.เช่น นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ขอลงจากเครื่องบินลำดังกล่าว แม้กระทั่งจะมีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะมาสอบถามว่าต้องการลงจากเครื่องหรือไม่ พร้อมกับมีการขออภัย ซึ่งตนก็ได้บอกไปว่า ตนไม่เป็นไร และไม่ต้องการจะลงจากเครื่อง เพราะตนเข้าใจถึงสภาพอากาศที่เป็นปัญหาดี ทั้งนี้การที่กัปตันเครื่องบินนำตนมาถึงที่หมายได้ก็ถือว่าเป็นพระคุณแล้ว ส่วนกรณีที่ระบุว่าตนได้โทรศัพท์ติดต่อไปสั่งการผู้ใหญ่ในบริษัทนั้น ตนก็ขอยืนยันว่า ไม่มีการโทรสั่งการใด ๆทั้งสิน เพราะตนไม่มีเบอร์ติดต่อด้วยซ้ำไป
“ผมยืนยันว่าได้ลงเครื่องบิน ณ ปลายทาง คือสนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่ได้ขอลงก่อนถึงปลายทางแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินและพนักงานต้อนรับที่รู้จักผมจะเป็นผู้ยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ยังสามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของสนามบินสุวรรณภูมิได้อีกด้วย”นายวิสุทธิ์ กล่าว
***กรมการบินพลเรือนชี้ต้องปฏิบัติตามกฎ
ด้านนายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) กล่าวว่า ตามกฎการบินไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบินได้หากไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ในตั๋วแม้จะเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยและสนามบิน ยกเว้นกรณีสนามบินปลายทางเกิดเหตุ เช่น มีการก่อวินาศกรรม จนไม่สามารถนำเครื่องบินลงจอดจะเป็นกรณียกเว้นที่ให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบินและใช้สนามบินอื่นเป็นปลายทางแทน กรณีมีปัญหาสภาพอากาศที่สนามบินปลายทาง และต้องใช้เวลารอนาน อาจจะให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องบินและมาพักรอภายในพื้นที่ของสนามบินได้แต่ไม่สามารถออกจากสนามบินได้ เพราะเมื่อเครื่องบินลงที่ปลายทางรายชื่อผู้โดยสารที่ขึ้นมาจากต้นทางก็จะไม่ครบ
อย่างไรก็ตามไม่ทราบเหตุกรณีที่เที่ยวบินการบินไทยให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องบินที่ดอนเมืองในขณะที่ปลายทางเป็นสุวรรณภูมินั้น ได้สอบถามทางฝ่ายกฎหมาย บพ.แล้ว ระบุว่าการบินไทยอาจยึดเรื่องที่ สุวรรณภูมิดอนเมืองเป็นเกตเวย์เดียวกันหรือเป็นเมืองเดียวกัน จึงให้ผู้โดยสารลงจากเครื่อง
แหล่งข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เที่ยวบินที่ ทีจี41 ซึ่งออกเดินทางจากจังหวัดเชียงรายเวลา 20.25 น. กำหนดลงปลายทางที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 21.45 น.แต่เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนนักบินไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้ในขณะที่น้ำมันเหลือไม่เพียงพอที่จะทำการบินวนรอจึงนำเครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมืองชั่วคราวเพื่อรอคำสั่งจากหอบังคับการบินในการนำเครื่องไปลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามกำหนดต่อไป โดยระหว่างที่เที่ยวบินทีจี 141 พักเครื่องอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ได้มีผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งประมาณ 7 คน ได้เรียกร้องให้พนักงานต้อนรับและนักบินเปิดประตูเพื่อลงที่ท่าอากาศยานดอนเมืองแทน โดยอ้างว่าไหนๆ ก็ลงจอดพักเครื่องแล้ว และหากลงที่สนามบินดอนเมืองจะใกล้ที่พักมากกว่า ซึ่งทำให้นักบิน พนักงานต้อนรับ และพนักงานภาคพื้นรู้สึกลำบากใจมากเพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎการบิน เนื่องจากการถ่ายเทผู้โดยสารและสัมภาระนั้นมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่แน่ชัดว่าต้องกระทำที่ปลายทางเท่านั้น
ซึ่งจากการตรวจสอบได้รับการยืนยันว่า ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวเป็นสมาชิกรัฐสภาพร้อมผู้ติดตามประกอบไปด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ซึ่งล่าสุดยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมอีกด้วย และนางจิรา
วรรณ จงสุทธนามณี วัฒนศิริธร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เชียงรายรวมอยู่ด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า โดยปกตินักบินไม่สามารถให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องที่ไม่ใช้จุดหมายปลายทางได้ เนื่องจากจะกระทบกับ Load Safety ของเครื่องบิน และจะต้องเสียเวลาในการจัดหาบริการภาคพื้น (Ground Handling ) ซึ่งการบินไทยไม่มีบริการภาคพื้นที่ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ต้องประสานไปยังสายการบินนกแอร์หรือไทยแอร์เอเชีย ที่เป็นผู้ให้บริการอยู่
ซึ่งกรณีดังกล่าวหากอากาศเปิดและหอบังคับการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแจ้งว่าสามารถนำเครื่องลงจอดได้แล้ว จะต้องดำเนินการทันทีตามเวลาที่หอบังคับการบินจัดสรรไว้เพื่อไม่ให้กระทบต่อเที่ยวบินอื่นของสุวรรณภูมิ
“การขึ้นเครื่องบินไม่เหมือนขึ้นรถทัวร์ หรือ บขส. ที่ผู้โดยสารจะขอขึ้น-ขอลงที่ไหนก็ได้ เพราะมีกฎระเบียบทางการบินอยู่ที่ควบคุมอยู่ และใช้ปฏิบัติกันในระดับสากล” แหล่งข่าวระบุ
โดยหลังจากการต่อรองกันอยู่สักพัก กลุ่มผู้โดยสารของสมาชิกรัฐสภาได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับ “ผู้ใหญ่ในบริษัท” จึงมีคำสั่งให้นักบินอนุญาตผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวลงจากเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองได้ โดยมีผู้โดยสารเป็นสุภาพสตรีในชั้นธุรกิจขอลงอีก 1 คน ซึ่งผู้โดยสารหญิงคนดังกล่าวยังมีสัมภาระในโหลดใต้ท้องเครื่องอีก 11 กิโลกรัม ซึ่งต้องดำเนินการอย่างทุลักทุเล เนื่องจากมีสัมภาระของชาวต่างชาติบนเครื่องบางส่วนที่ต้องขึ้นเที่ยวบินอื่นต่อไปยังปลายทางในทวีปยุโรปด้วย โดยสุดท้ายมีผู้โดยสารลงที่ดอนเมืองทั้งสิ้น 17 คน จากนั้นเครื่องบินจึงทำการบินมาลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ในเวลาเกือบเที่ยงคืน
แหล่งข่าวกล่าวว่า กรณีที่นักบินยอมให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางนั้น ถ้าจะทำได้ต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งกรณีเที่ยวบิน TG 141ได้มีคำสั่งให้นักบินยอมทำตามที่ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวต้องการเพราะไม่ต้องการให้มีปัญหากับนักการเมือง ในขณะที่ ทางบริษัทการบินไทยให้สรุปกรณีดังกล่าวว่า เป็นการพิจารณาของนักบินได้ไม่ผิดโดยมีการอ้างว่า ผู้โดยสารรู้สึกกดดัน
***** วิสุทธิ์ ไชยอรุณโต้ข่าว
นายวิสุทธิ์ ไชยอรุณ รองประธานสภาฯ คนที่สอง และ ส.ส.เพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า ตนได้นั่งมาในเที่ยวบินดังกล่าวจริง และเครื่องบินได้แวะจอดพักที่สนามบินดอนเมืองจริง แต่ตนไม่ได้กระทำบีบบังคับใดๆตามที่เป็นข่าว ตนและกลุ่ม ส.ส.เช่น นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ขอลงจากเครื่องบินลำดังกล่าว แม้กระทั่งจะมีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะมาสอบถามว่าต้องการลงจากเครื่องหรือไม่ พร้อมกับมีการขออภัย ซึ่งตนก็ได้บอกไปว่า ตนไม่เป็นไร และไม่ต้องการจะลงจากเครื่อง เพราะตนเข้าใจถึงสภาพอากาศที่เป็นปัญหาดี ทั้งนี้การที่กัปตันเครื่องบินนำตนมาถึงที่หมายได้ก็ถือว่าเป็นพระคุณแล้ว ส่วนกรณีที่ระบุว่าตนได้โทรศัพท์ติดต่อไปสั่งการผู้ใหญ่ในบริษัทนั้น ตนก็ขอยืนยันว่า ไม่มีการโทรสั่งการใด ๆทั้งสิน เพราะตนไม่มีเบอร์ติดต่อด้วยซ้ำไป
“ผมยืนยันว่าได้ลงเครื่องบิน ณ ปลายทาง คือสนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่ได้ขอลงก่อนถึงปลายทางแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินและพนักงานต้อนรับที่รู้จักผมจะเป็นผู้ยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ยังสามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของสนามบินสุวรรณภูมิได้อีกด้วย”นายวิสุทธิ์ กล่าว
***กรมการบินพลเรือนชี้ต้องปฏิบัติตามกฎ
ด้านนายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) กล่าวว่า ตามกฎการบินไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบินได้หากไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ในตั๋วแม้จะเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยและสนามบิน ยกเว้นกรณีสนามบินปลายทางเกิดเหตุ เช่น มีการก่อวินาศกรรม จนไม่สามารถนำเครื่องบินลงจอดจะเป็นกรณียกเว้นที่ให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบินและใช้สนามบินอื่นเป็นปลายทางแทน กรณีมีปัญหาสภาพอากาศที่สนามบินปลายทาง และต้องใช้เวลารอนาน อาจจะให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องบินและมาพักรอภายในพื้นที่ของสนามบินได้แต่ไม่สามารถออกจากสนามบินได้ เพราะเมื่อเครื่องบินลงที่ปลายทางรายชื่อผู้โดยสารที่ขึ้นมาจากต้นทางก็จะไม่ครบ
อย่างไรก็ตามไม่ทราบเหตุกรณีที่เที่ยวบินการบินไทยให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องบินที่ดอนเมืองในขณะที่ปลายทางเป็นสุวรรณภูมินั้น ได้สอบถามทางฝ่ายกฎหมาย บพ.แล้ว ระบุว่าการบินไทยอาจยึดเรื่องที่ สุวรรณภูมิดอนเมืองเป็นเกตเวย์เดียวกันหรือเป็นเมืองเดียวกัน จึงให้ผู้โดยสารลงจากเครื่อง
