อุตสาหกรรมถ่านหินและอะลูมิเนียมประเทศจีนอาจเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนสร้างความเสียหายต่อธุรกิจที่จัดหาวัตถุดิบเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยบริษัทถ่านหินและอะลูมิเนียมหลายแห่งในจีนกำลังเผชิญความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้และจากการปิดกิจการ ในช่วงนี้ หลังจากบริษัทกลุ่มนี้ก่อหนี้ไว้เป็นจำนวนอย่างน้อย 4.90 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมาขณะเร่งรีบขยายกิจการ
ภาระหนี้ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงภัยคุกคามต่อระบบเศรษฐกิจที่เกิดจากอุตสาหกรรมการผลิตในจีน ในขณะที่รัฐบาลจีนต้องการจะปรับลดขนาด อุตสาหกรรมประเภทนี้ลง หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในปี 2009 ส่งผลให้การลงทุนเฟื่องฟูในช่วงนั้น
ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวในระยะนี้ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะเข้าสู่เสถียรภาพ อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีน ได้ชะลอตัวลงเป็นเวลา 9 ไตรมาสติดต่อกัน และส่งผลลบต่อภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังกดดันธนาคารพาณิชย์ให้คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคเอกชนด้วย
นายแอนดรูว์ ดริสกอล หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรของบริษัทซีแอลเอสเอ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือว่า บริษัทบางแห่งในกลุ่มนี้จะเผชิญปัญหาด้านสภาพคล่องและการล้มละลาย และผมคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในอีก 6-12 เดือน ข้างหน้า"
บริษัทถ่านหินที่จดทะเบียนในจีนเกือบ 90 % มีผลกำไรลดลงในปี 2012 ขณะที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
บริษัทถ่านหินจีนเคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักลงทุนในอดีต แต่บริษัทกลุ่มนี้มีสถานะการเงินตกต่ำลงในช่วงที่ผ่านมา
สมาคมถ่านหินจีนระบุว่า รายได้ที่ลดลงส่งผลให้บริษัทเหมืองถ่านหินบางแห่งต้องเลื่อนการชำระเงินออกไป หรือต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน
ราคาถ่านหินร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 4 ปีในช่วงนี้ และอุตสาหกรรมถ่านหินจีนมีแนวโน้มซบเซา เนื่องจากเหมืองถ่านหินแห่งใหม่บางแห่งจะเปิดทำการในเร็วๆนี้ และปริมาณการนำเข้าถ่านหินก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้น
บริษัทถ่านหินที่จดทะเบียนในจีนมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนพุ่งขึ้นสู่ 55 % ในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 15 % จากเมื่อหนึ่งปีก่อน ในขณะที่บริษัทถ่านหิน ออสเตรเลียมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนอยู่ที่ 13 % เท่านั้น
บริษัทอะลูมิเนียมและเหล็กกล้ามีสถานะย่ำแย่ยิ่งกว่าบริษัทถ่านหิน โดยบริษัทอะลูมิเนียมมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 121 % ในขณะที่บริษัทเหล็กกล้ามีอัตราส่วนอยู่ที่ 113 %
อุตสาหกรรมดั้งเดิมอย่างเช่นเหล็กกล้าและต่อเรือกำลังเผชิญกับปัญหาในระยะนี้
บริษัทผิงเต๋อ ไอร์ออน แอนด์ สตีล โค ลิมิเต็ดประกาศล้มละลายในเดือนมิ.ย. ส่วนบริษัทหรงเซิง เฮฟวี อินดัสตรีส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทต่อเรือ ได้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลจีน
บริษัทถ่านหินที่จดทะเบียนในจีนมีหนี้สินราว 2.85 แสนล้านหยวน (4.655 หมื่นล้านดอลลาร์)
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า ถ้าหากมีการนำตัวเลขการกู้ยืมของบริษัทของรัฐบาลจีนและบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนเข้ามารวมด้วยแล้ว หนี้สินของบริษัทเหมืองถ่านหินจีนก็จะอยู่ที่ 2.67 ล้านล้านหยวนในช่วงสิ้นปี 2012 โดยพุ่งขึ้น 23 % จากช่วงสิ้นปี 2011
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ลูกค้าของบริษัทเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ก็ติดหนี้บริษัทกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้นด้วย โดยปริมาณหนี้สินของลูกค้าบริษัทกลุ่มนี้พุ่งขึ้นราว 50 % สู่ 6.88 หมื่นล้านหยวนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ และส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสด
นางเฮเลน หลิว นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จีนของบริษัทยูโอบี-เคย์เฮียน กล่าวว่า "อุตสาหกรรมที่ประสบปัญหากำลังการผลิตสูงเกินไปจะเผชิญกับการปรับโครงสร้างอย่างยากลำบากในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทขนาดใหญ่จะมีขนาด ใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก แต่บริษัทขนาดเล็กจะล้มละลาย"
บริษัทอะลูมิเนียมจีนรายงานยอดขาดทุน 5.7 พันล้านหยวนในปี 2012 หลังจากมีผลกำไร 5.3 พันล้านหยวนในปี 2011 นักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทถ่านหินและอะลูมิเนียมที่มีหนี้สินสูงในช่วงที่ผ่านมา
บริษัทซิงฟา อะลูมิเนียม โฮลดิงส์ ลิมิเต็ด, บริษัทยูนนาน อะลูมิเนียม, บริษัทซินเจียง ไป่หัวคุน ซึ่งเป็นบริษัทถ่านหิน และบริษัทฉินฟา กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทถ่านหิน มีมูลค่าในตลาดดิ่งลงกว่า 50 % นับตั้งแต่ปี 2010 โดยบริษัทกลุ่มนี้มีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนสูงกว่า 200 %
บริษัทอะลูมิเนียมที่จดทะเบียนในจีน 25 แห่งมีหนี้สินรวมกัน 2.93 แสนล้านหยวน โดยเมื่อนำหนี้สินของบริษัทอะลูมิเนียมจีนและบริษัทถ่านหินจีนมารวมกัน หนี้สินดังกล่าวก็อาจจะมีขนาดอย่างน้อย 3 ล้านล้านหยวน (4.90 แสนล้านดอลลาร์)
หนี้สิน 3 ล้านล้านหยวนนี้คิดเป็นสัดส่วนได้ราว 75 % ของหนี้สินทั้งหมดของรัฐบาลท้องถ่ิน 36 แห่งในจีน ในขณะที่ผู้ตรวจสอบบัญชีของรัฐบาลจีนประกาศเตือนว่า รัฐบาลท้องถิ่นกำลังเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินที่เกิดจากหนี้สินของตนเอง
บริษัทหลายแห่งเผชิญกับปัญหาเรื่องกระแสเงินสด และได้หันไปใช้วิธี รีไฟแนนซ์ หรือการกู้เงินใหม่จากตลาดตราสารหนี้และจากภาคเอกชนเพื่อนำไปชำระหนี้เก่าที่กำลังจะถึงกำหนดชำระคืนแก่ธนาคาร
บริษัทเหมืองถ่านหิน 9 แห่งได้ระดมทุนราว 1.3 หมื่นล้านหยวน จากตลาดตราสารหนี้ในจีนในปีนี้ โดยบริษัท 6 แห่งระบุว่าทางบริษัทจะใช้เงินกว่าครึ่งหนึ่งที่ได้รับในการชำระหนี้เก่า
บริษัทอะลูมิเนียมทั้ง 4 แห่งที่ออกตราสารหนี้ในปีนี้ วางแผนจะใช้เงินที่ได้รับในการปรับปรุงกระแสเงินสดและในการชำระหนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตราสารหนี้บางรายการมีการซื้อขายในระดับที่สามารถดึงดูดได้เพียงแค่นักลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทอะลูมิเนียมและถ่านหินได้ระดมเงินเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่ปี 2011 โดยผ่านทางผลิตภัณฑ์ ทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับเหมืองด้วย
บริษัทขนาดเล็กหลายแห่งที่ประสบปัญหาในการกู้เงินจากธนาคาร ได้หันมาระดมเงินจากกองทุนทรัสต์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยตลาดกองทุน ทรัสต์เป็นตลาดที่อยู่ ภายใต้กฎระเบียบเพียงเล็กน้อย และเงินของกองทุนทรัสต์ได้ถูกนำไปใช้ในการลงทุนหลายช่องทางด้วยกัน
อย่างไรก็ดี ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็นเวลายาวนานอาจส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ในกองทุนทรัสต์ขึ้นได้
บริษัท ทรัสต์ในจีนได้จัดตั้งกองทุนทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับเหมืองเป็นจำนวนเกือบ 100 กองทุนในช่วงที่ผ่านมา และได้ออกจำหน่ายหน่วยลงทุนเป็นมูลค่าราว 2.73 หมื่ืนล้านหยวน
ทรัสต์เหมืองให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยราว 10 % และมี ทรัสต์เหมืองอย่างน้อย 70 แห่งที่มีกำหนดชำระเงินก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งถ้าหากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ในกิจการประเภทนี้ ปัญหาดังกล่าวก็จะส่งผลกระทบไปทั่วทั้งภาคการเงิน เนื่องจากธนาคารหลายแห่งลงทุนในทรัสต์เหมืองด้วยเช่นกัน
บริษัทหัวหรง อินเตอร์เนชั่นแนล ทรัสต์ ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับถ่านหิน ระบุว่าทางบริษัทได้ตรวจสอบฐานะอย่างละเอียดก่อนที่จะปล่อยกู้ และกำหนดให้มีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น เหมืองด้วย
อย่างไรก็ดี มีปัญหาเกิดขึ้นในกิจการ ทรัสต์บางแห่ง โดยบริษัทไชน่า เครดิต ทรัสต์ โค ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัท ทรัสต์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ระบุว่าผลิตภัณฑ์ ทรัสต์ของตนเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ หลังจากบริษัทเจิ้นฟู เอเนอร์จี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทถ่านหิน ผิดนัดชำระหนี้ที่ติดค้างทางบริษัททรัสต์
บริษัทซิติก ทรัสต์ โค ซึ่งอยู่ในเครือบริษัทไชน่า ซิติก กรุ๊ปของ รัฐบาลจีน จำเป็นต้องเปิดประมูลหนี้ในเดือนเม.ย. โดยเป็นหนี้ของ ทรัสต์เหล็กกล้าแห่งหนึ่งที่ไม่สามารถชำระทั้งเงินต้้นและดอกเบี้ยได้
นายจาง จีเว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของบริษัทโนมูระ โฮลดิงส์ กล่าวว่า "บริษัทหลายแห่งหันไปกู้เงินจากทรัสต์เมื่อทางบริษัทประสบปัญหาทางการเงิน แต่ปัญหาขัดข้องในห่วงโซ่การ ปล่อยกู้นี้จะส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด"
(ข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์)
T.Thammasak
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนสร้างความเสียหายต่อธุรกิจที่จัดหาวัตถุดิบเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยบริษัทถ่านหินและอะลูมิเนียมหลายแห่งในจีนกำลังเผชิญความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้และจากการปิดกิจการ ในช่วงนี้ หลังจากบริษัทกลุ่มนี้ก่อหนี้ไว้เป็นจำนวนอย่างน้อย 4.90 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมาขณะเร่งรีบขยายกิจการ
ภาระหนี้ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงภัยคุกคามต่อระบบเศรษฐกิจที่เกิดจากอุตสาหกรรมการผลิตในจีน ในขณะที่รัฐบาลจีนต้องการจะปรับลดขนาด อุตสาหกรรมประเภทนี้ลง หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในปี 2009 ส่งผลให้การลงทุนเฟื่องฟูในช่วงนั้น
ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวในระยะนี้ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะเข้าสู่เสถียรภาพ อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีน ได้ชะลอตัวลงเป็นเวลา 9 ไตรมาสติดต่อกัน และส่งผลลบต่อภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังกดดันธนาคารพาณิชย์ให้คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคเอกชนด้วย
นายแอนดรูว์ ดริสกอล หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรของบริษัทซีแอลเอสเอ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือว่า บริษัทบางแห่งในกลุ่มนี้จะเผชิญปัญหาด้านสภาพคล่องและการล้มละลาย และผมคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในอีก 6-12 เดือน ข้างหน้า"
บริษัทถ่านหินที่จดทะเบียนในจีนเกือบ 90 % มีผลกำไรลดลงในปี 2012 ขณะที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
บริษัทถ่านหินจีนเคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักลงทุนในอดีต แต่บริษัทกลุ่มนี้มีสถานะการเงินตกต่ำลงในช่วงที่ผ่านมา
สมาคมถ่านหินจีนระบุว่า รายได้ที่ลดลงส่งผลให้บริษัทเหมืองถ่านหินบางแห่งต้องเลื่อนการชำระเงินออกไป หรือต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน
ราคาถ่านหินร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 4 ปีในช่วงนี้ และอุตสาหกรรมถ่านหินจีนมีแนวโน้มซบเซา เนื่องจากเหมืองถ่านหินแห่งใหม่บางแห่งจะเปิดทำการในเร็วๆนี้ และปริมาณการนำเข้าถ่านหินก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้น
บริษัทถ่านหินที่จดทะเบียนในจีนมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนพุ่งขึ้นสู่ 55 % ในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 15 % จากเมื่อหนึ่งปีก่อน ในขณะที่บริษัทถ่านหิน ออสเตรเลียมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนอยู่ที่ 13 % เท่านั้น
บริษัทอะลูมิเนียมและเหล็กกล้ามีสถานะย่ำแย่ยิ่งกว่าบริษัทถ่านหิน โดยบริษัทอะลูมิเนียมมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 121 % ในขณะที่บริษัทเหล็กกล้ามีอัตราส่วนอยู่ที่ 113 %
อุตสาหกรรมดั้งเดิมอย่างเช่นเหล็กกล้าและต่อเรือกำลังเผชิญกับปัญหาในระยะนี้
บริษัทผิงเต๋อ ไอร์ออน แอนด์ สตีล โค ลิมิเต็ดประกาศล้มละลายในเดือนมิ.ย. ส่วนบริษัทหรงเซิง เฮฟวี อินดัสตรีส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทต่อเรือ ได้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลจีน
บริษัทถ่านหินที่จดทะเบียนในจีนมีหนี้สินราว 2.85 แสนล้านหยวน (4.655 หมื่นล้านดอลลาร์)
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า ถ้าหากมีการนำตัวเลขการกู้ยืมของบริษัทของรัฐบาลจีนและบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนเข้ามารวมด้วยแล้ว หนี้สินของบริษัทเหมืองถ่านหินจีนก็จะอยู่ที่ 2.67 ล้านล้านหยวนในช่วงสิ้นปี 2012 โดยพุ่งขึ้น 23 % จากช่วงสิ้นปี 2011
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ลูกค้าของบริษัทเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ก็ติดหนี้บริษัทกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้นด้วย โดยปริมาณหนี้สินของลูกค้าบริษัทกลุ่มนี้พุ่งขึ้นราว 50 % สู่ 6.88 หมื่นล้านหยวนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ และส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสด
นางเฮเลน หลิว นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จีนของบริษัทยูโอบี-เคย์เฮียน กล่าวว่า "อุตสาหกรรมที่ประสบปัญหากำลังการผลิตสูงเกินไปจะเผชิญกับการปรับโครงสร้างอย่างยากลำบากในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทขนาดใหญ่จะมีขนาด ใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก แต่บริษัทขนาดเล็กจะล้มละลาย"
บริษัทอะลูมิเนียมจีนรายงานยอดขาดทุน 5.7 พันล้านหยวนในปี 2012 หลังจากมีผลกำไร 5.3 พันล้านหยวนในปี 2011 นักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทถ่านหินและอะลูมิเนียมที่มีหนี้สินสูงในช่วงที่ผ่านมา
บริษัทซิงฟา อะลูมิเนียม โฮลดิงส์ ลิมิเต็ด, บริษัทยูนนาน อะลูมิเนียม, บริษัทซินเจียง ไป่หัวคุน ซึ่งเป็นบริษัทถ่านหิน และบริษัทฉินฟา กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทถ่านหิน มีมูลค่าในตลาดดิ่งลงกว่า 50 % นับตั้งแต่ปี 2010 โดยบริษัทกลุ่มนี้มีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนสูงกว่า 200 %
บริษัทอะลูมิเนียมที่จดทะเบียนในจีน 25 แห่งมีหนี้สินรวมกัน 2.93 แสนล้านหยวน โดยเมื่อนำหนี้สินของบริษัทอะลูมิเนียมจีนและบริษัทถ่านหินจีนมารวมกัน หนี้สินดังกล่าวก็อาจจะมีขนาดอย่างน้อย 3 ล้านล้านหยวน (4.90 แสนล้านดอลลาร์)
หนี้สิน 3 ล้านล้านหยวนนี้คิดเป็นสัดส่วนได้ราว 75 % ของหนี้สินทั้งหมดของรัฐบาลท้องถ่ิน 36 แห่งในจีน ในขณะที่ผู้ตรวจสอบบัญชีของรัฐบาลจีนประกาศเตือนว่า รัฐบาลท้องถิ่นกำลังเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินที่เกิดจากหนี้สินของตนเอง
บริษัทหลายแห่งเผชิญกับปัญหาเรื่องกระแสเงินสด และได้หันไปใช้วิธี รีไฟแนนซ์ หรือการกู้เงินใหม่จากตลาดตราสารหนี้และจากภาคเอกชนเพื่อนำไปชำระหนี้เก่าที่กำลังจะถึงกำหนดชำระคืนแก่ธนาคาร
บริษัทเหมืองถ่านหิน 9 แห่งได้ระดมทุนราว 1.3 หมื่นล้านหยวน จากตลาดตราสารหนี้ในจีนในปีนี้ โดยบริษัท 6 แห่งระบุว่าทางบริษัทจะใช้เงินกว่าครึ่งหนึ่งที่ได้รับในการชำระหนี้เก่า
บริษัทอะลูมิเนียมทั้ง 4 แห่งที่ออกตราสารหนี้ในปีนี้ วางแผนจะใช้เงินที่ได้รับในการปรับปรุงกระแสเงินสดและในการชำระหนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตราสารหนี้บางรายการมีการซื้อขายในระดับที่สามารถดึงดูดได้เพียงแค่นักลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทอะลูมิเนียมและถ่านหินได้ระดมเงินเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่ปี 2011 โดยผ่านทางผลิตภัณฑ์ ทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับเหมืองด้วย
บริษัทขนาดเล็กหลายแห่งที่ประสบปัญหาในการกู้เงินจากธนาคาร ได้หันมาระดมเงินจากกองทุนทรัสต์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยตลาดกองทุน ทรัสต์เป็นตลาดที่อยู่ ภายใต้กฎระเบียบเพียงเล็กน้อย และเงินของกองทุนทรัสต์ได้ถูกนำไปใช้ในการลงทุนหลายช่องทางด้วยกัน
อย่างไรก็ดี ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็นเวลายาวนานอาจส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ในกองทุนทรัสต์ขึ้นได้
บริษัท ทรัสต์ในจีนได้จัดตั้งกองทุนทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับเหมืองเป็นจำนวนเกือบ 100 กองทุนในช่วงที่ผ่านมา และได้ออกจำหน่ายหน่วยลงทุนเป็นมูลค่าราว 2.73 หมื่ืนล้านหยวน
ทรัสต์เหมืองให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยราว 10 % และมี ทรัสต์เหมืองอย่างน้อย 70 แห่งที่มีกำหนดชำระเงินก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งถ้าหากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ในกิจการประเภทนี้ ปัญหาดังกล่าวก็จะส่งผลกระทบไปทั่วทั้งภาคการเงิน เนื่องจากธนาคารหลายแห่งลงทุนในทรัสต์เหมืองด้วยเช่นกัน
บริษัทหัวหรง อินเตอร์เนชั่นแนล ทรัสต์ ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับถ่านหิน ระบุว่าทางบริษัทได้ตรวจสอบฐานะอย่างละเอียดก่อนที่จะปล่อยกู้ และกำหนดให้มีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น เหมืองด้วย
อย่างไรก็ดี มีปัญหาเกิดขึ้นในกิจการ ทรัสต์บางแห่ง โดยบริษัทไชน่า เครดิต ทรัสต์ โค ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัท ทรัสต์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ระบุว่าผลิตภัณฑ์ ทรัสต์ของตนเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ หลังจากบริษัทเจิ้นฟู เอเนอร์จี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทถ่านหิน ผิดนัดชำระหนี้ที่ติดค้างทางบริษัททรัสต์
บริษัทซิติก ทรัสต์ โค ซึ่งอยู่ในเครือบริษัทไชน่า ซิติก กรุ๊ปของ รัฐบาลจีน จำเป็นต้องเปิดประมูลหนี้ในเดือนเม.ย. โดยเป็นหนี้ของ ทรัสต์เหล็กกล้าแห่งหนึ่งที่ไม่สามารถชำระทั้งเงินต้้นและดอกเบี้ยได้
นายจาง จีเว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของบริษัทโนมูระ โฮลดิงส์ กล่าวว่า "บริษัทหลายแห่งหันไปกู้เงินจากทรัสต์เมื่อทางบริษัทประสบปัญหาทางการเงิน แต่ปัญหาขัดข้องในห่วงโซ่การ ปล่อยกู้นี้จะส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด"
(ข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์)
T.Thammasak
