ศศินทร์จัดหลักสูตรอบรมผู้บริหารระดับสูงอาเซียน เน้นรู้เขา-รู้เราเพื่อรวมทุกประเทศก้าวสู่เวทีระดับโลก
สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin) จัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงอาเซียน เพื่อให้ทุกฝ่ายเรียนรู้แรงขับเคลื่อนและแนวโน้มทิศทางของโลก เชิญเอกอัครราชทูตทุกประเทศบรรยายและเดินทางไปเรียนรู้สังคม เศรษฐกิจของแต่ละประเทศ เน้นรู้เขา-รู้เรา เพื่อก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการบรรยายหัวข้อ “ASEAN : a Regional Perspective” ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านต่างๆ เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาค เมื่อรวมกลุ่มเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไทยควรเป็นผู้นำสำคัญในการขับเคลื่อนเชื่อมโยงเศรษฐกิจ แต่ความไม่ต่อเนื่องของรัฐบาลอาจทำให้การพัฒนาเรื่องต่าง ๆ ล่าช้า ดังนั้นควรมองการรวมตัวของอาเซียนใน 2 มิติ กล่าวคือมิติภายในประเทศ จะต้องสร้างความตระหนักรับรู้ให้แก่คนในประเทศเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญเรื่องดังกล่าว รวมทั้งการปรับตัว การพัฒนาด้านต่างๆ ซึ่งต้องรู้ว่าประเทศเรามีข้อดีและข้อด้อยอย่างไร
สำหรับมิติภายนอกนั้น ทุกประเทศต้องสร้างความเข้มแข็งและร่วมมือกัน ปัจจุบัน GDP ของอาเซียนเป็นอันดับ 9 ของโลก และเศรษฐกิจอาเซียนโต 4.7% นอกจากนี้ประเทศจีนจะเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญในอนาคต ขณะนี้เศรษฐกิจจีนมีการเติบโตที่ดีและมีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของเอเชีย ดังนั้นการรวมตัวของประเทศต่างๆ ในอาเซียนจะต้องเกาะกันให้เหนียวแน่นเพื่อจะได้มีอำนาจในการต่อรองเรื่องต่างๆ กับนานาประเทศในภูมิภาคอื่น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อการดำเนินนโยบายของอาเซียนในขณะนี้คือ ความพยายามเข้ามามีบทบาทของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ทั้งไทยและประเทศอื่นๆ ยังขาดแคลนเทคโนโลยีเป็นของตัวเองเพราะที่ใช้กันอยู่ส่วนใหญ่ซื้อมาจากชาติอื่นๆ นอกจากนี้ยังขาดการวิจัยและค้นคว้าที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ดังนั้นจึงต้องร่วมมือในการพัฒนา เช่น การเพิ่มทักษะด้านแรงงาน รวมถึงการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์และฟิลิปปินส์มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้อำนวยการ Sasin Institute for Global Affairs กล่าวว่า เพื่อเป็นการรับมือความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคนี้ จึงให้ความสำคัญต่อหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงอาเซียน เป็นหลักสูตรที่เปลี่ยนแนวคิด มุมมอง วิสัยทัศน์ในระดับอาเซียนและระดับโลก เพื่อทำความเข้าใจประวัติศาสตร์อาเซียน รู้ที่มาที่ไป และอารยธรรมอาเซียน หลักสูตรดังกล่าวต้องการให้ผู้เรียนรู้ว่าประเทศไทยมีบทบาทอย่างไรในอาเซียนและในระดับโลก เนื่องจากให้ข้อมูลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ โดยได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตในอาเซียนบรรยายเกี่ยวกับประเทศของตน ผู้เข้าเรียนหลักสูตรจะได้เดินทางไปเรียนรู้วัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิต รวมทั้งด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา เวียดนาม พม่า และมาเลเซีย เพื่อให้ผู้ที่อบรมหลักสูตรได้รู้เขา-รู้เรา และสร้างเครือข่ายในการพัฒนาเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไปพร้อมๆ กัน
ศาสตราจารย์เจน ดิแพค ซี อดีตคณบดีจากอินเสียด (INSEAD Business School) และอดีตคณบดีวิทยาลัยเคลลอกก์ (Kellogg School of Management) กล่าวบรรยายในหัวข้อ “ASEAN in a Global Perspective” ว่า ในอนาคตไม่ใช่เฉพาะอาเซียนจะมีบทบาทมากขึ้นในตลาดระดับโลก แต่ประเทศจีนจะมีผลกระทบต่อชาติต่างๆ ทั้งในอาเซียนและในระดับโลกเช่นเดียวกัน และหากมีการรวมตัวของเอเชีย แอฟริกา และออสเตรเลียเข้าด้วยกันจะทำให้ตลาดขยายใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยต่างๆ ที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจในอาเซียนเติบโต เช่น ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์มีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจสูงมาก นอกจากนี้ความเจริญก้าวหน้าทางวิวัฒนาการ ทั้งการสื่อสาร และเครือข่ายสังคมออนไลน์จะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาด้านต่างๆ ในอาเซียน แต่สิ่งที่จะตามมาคือการใช้พลังงานอย่างมหาศาลในอนาคต ดังนั้นจึงต้องหาวิธีการนำพลังงานที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของประเทศไทยนั้นเป็นศูนย์กลางอาเซียน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการขนส่ง ทั้งยังมีชื่อเสียงเรื่องอาหาร และด้านการรักษาสุขภาพ โรงพยาบาลได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในคุณภาพ การให้บริการซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของประเทศไทย แต่การเป็นผู้นำของอาเซียนต้องประกอบด้วยปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น ประชาชนมีความสามารถทางการค้า การสร้างมูลค่า สร้างสรรค์สินค้า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มีความแตกต่าง โดดเด่น และมีคุณภาพเพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั้งในปัจจุบันและอนาคต ควรให้ความสำคัญต่อการวิจัยความต้องการของตลาดแต่ละภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา