“ศศิน” แนะ ปชป.อย่าหลงกับชัยชนะ ชวนประชาชนร่วมเรียกร้องให้ปรับการทำงาน

“ศศิน” แนะ ปชป.ใช้ผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ ให้เป็นกำลังใจในการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่หลงอยู่กับคะแนนที่มาจากสถานการณ์มากกว่าคุณภาพจริง ชวนประชาชนร่วมกันเรียกร้องให้ทบทวนแนวทางการทำงาน เสนอควรเชื่อมกับการเมืองภาคประชาชนให้มากขึ้น วางตัวคนทำงานที่มีบุคลิก มีผลงานจริงให้คนมั่นใจ ไม่เบื่อหน่าย

วานนี้ (3 มี.ค.) นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เสนอความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว "Sasin Chalermlarp" หลังจากทราบผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า

“ถ้าผลการเลือกตั้งเป็นไปตามนี้...หรือแม้จะไม่เป็นตามนี้ ผมอยากชวนประชาชนเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ทบทวนแนวทางการทำงานการเมืองอย่างจริงจัง มีคณะทำงานเชิงยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง ทำงานเชื่อมร้อยกับการเมืองภาคประชาชนให้มากขึ้น วางยุทธศาสตร์ระดับประเทศให้แหลมคม แสดงออกให้คนที่สนับสนุนมีความหวังได้จริง วางตัวคนทำงานที่มีบุคลิก และผลงานที่ทำงานจริงให้คนมั่นใจ ไม่เบื่อหน่าย ซึ่งคงต้องอาศัยมือยุทธศาสตร์มือดีอีกมาก ทำงานวิชาการสนับสนุนนโยบายให้หนักแน่น หามือดีๆทางการสื่อสารสาธารณะให้ขาดๆ ที่สำคัญคือ ใช้ผลคะแนนครั้งนี้เป็นกำลังใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่หลงอยู่กับคะแนนที่เทมาจากสถานการณ์มากกว่าคุณภาพจริงๆ ของพรรค และตัวผู้สมัคร

ผมค่อนข้างแน่ใจว่ามือยุทธศาสตร์ของเพื่อไทยคาดหมายผลแบบนี้ไว้บ้างอยู่แล้ว และกำลังทำงานหนักอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ และประเมินผลคะแนนในวันนี้ พรุ่งนี้หรือคืนนี้ เขาคงเริ่มทำงานที่จะวางการต่อสู้ต่อไป แต่ฝ่ายประชาธิปัตย์จะทำอย่างเขาหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ

สถานการณ์แบบนี้ กลายเป็นว่า win-win ระหว่างเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ เพื่อไทยขยายฐานคะแนนได้ขนาดนี้ ในช่วงเวลาที่ห่างจากเหตุการณ์ปี 53 และน้ำท่วมปี 54 ก็นับว่าไม่เลว และมาได้ไกลแล้ว ส่วนประชาธิปัตย์ชนะในการเลือกตั้งทั้งๆ ที่บุคลิกและผลงานตัวผู้สมัครเป็นข้ออ่อนอย่างยิ่ง และกลายเป็นว่าคน กทม.ไม่มีโอกาสได้มือดีจริงๆ มาทำงานสร้างความเปลี่ยนแปลง ในฐานะที่เห็นกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ยุคก่อนเลือกผู้ว่าฯ มาจนเลือกตั้งเมื่อราว 30 ปีที่ผ่านมา คนที่มาแล้วเห็นว่า มีการเปลี่ยนแปลงชัดย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าคือ คุณจำลอง อีกคนที่น่าจะพอนับได้ก็น่าจะเป็นคุณอภิรักษ์ คนที่ประคองตัว และเห็นความตั้งใจ ก็เป็นกฤษฎา สมัยแรก และคุณพิจิตต ที่น่าผิดหวังสุดๆ น่าจะเป็นคุณสมัคร ผู้ล่วงลับไปแล้ว คนที่น่าเสียดายที่ไม่ได้แสดงฝีมือ น่าจะได้แก่ อ.แก้วสรร และคุณหญิงสุดารัตน์ รวมถึงคุณนิติภูมิ? (ผมไม่ทราบฝีมือการบริหาร) แต่อย่างไรก็ตาม ผมว่าถึงตอนนี้กรุงเทพฯ ก็ยังไม่โชคร้าย ถึงกับมีผู้ว่าที่มาจากความแปลกแหวกแนวอย่างเดียว ที่อาจจะมาจากความเบื่อหน่าย หรือประชดประชัน แบบ ผู้สมัครอิสระในอดีตบางท่าน

จุดแข็งของคุณชายสุขุมพันธุ์ เท่าที่ผมรู้ ก็คือการทำงานแบบให้เกียรติกับข้าราชการประจำใน กทม. เพราะเคยสัมผัสกับฝ่ายปฏิบัติงานในสำนักระบายน้ำ ที่ให้การยอมรับการทำงานร่วมกับคุณชายว่ายอมรับความรู้ความสามารถของคนทำงานส่วนข้าราชการประจำ อีกเรื่องถ้าผมเดาไม่ผิด ก็คือ การมีทีมทำงานคณะรองผู้ว่าสามสี่คนที่ทำงานเป็น และรู้จักบทบาทของตัวเองทำงานตามแผนต่างๆ ให้ลุล่วงได้พอสมควร โดยเฉพาะการทำงานช่วงน้ำท่วม แต่ข้ออ่อนที่สังเกตได้ คือ การไม่ใช้งานการเมืองมาเสริมงานประจำให้ส่วนราชการ ไม่นำวิธีการสื่อสารการเมืองมาช่วยเสริมให้ข้าราชการให้มีมิติการทำงานทันสมัยขึ้นเหมือนพรรคฝ่ายตรงข้าม ในเชิงการตลาด ข้ออ่อนของคุณชาย เรื่องใหญ่ คือ เรื่องการสื่อสาร ทั้งโดยวิธีการพูดในทีสาธารณะ และการเตรียมข้อมูลในการอธิบายเรื่องราวให้เฉียบคม บุคลิกที่ไม่น่าติดตามเมื่อสื่อสารต่อผู้คน นอกจากนี้ยังแว่ว เสียงติฉิน ในเรื่องส่วนตัวที่ทำให้เสียเวลาการทำงาน ซึ่งสมัยหน้า ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ทีมงานการเมืองจะแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร” นายศศิน ระบุ