สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นเจ้าภาพจัดการจัดประกวดแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว The mai Bangkok Business Challenge®@ Sasin 2013 ซึ่งในปีนี้ได้จัดการแข่งขันครบรอบ 11 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จทางธุรกิจเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้าร่วมชิงแชมป์อย่างล้นหลาม เริ่มแข่งขันวันที่ 28 ก.พ. - 2 มี.ค. นี้
ศาสตราจารย์เติมศักดิ์ กฤษณามระ ผู้อำนวยการ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงประวัติความเป็นมาของงานดังกล่าวว่า “ย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีก่อน คือ ปี พ.ศ. 2545 หรือ ค.ศ. 2002 สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เริ่มจัดการแข่งขันประกวดแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรก สำหรับนิสิตนักศึกษาระดับมหาบัณฑิต สาขาการบริหารธุรกิจ จากสถาบันการศึกษาภายในประเทศ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบการสถาปนาสถาบันฯ 20 ปี โดยผู้ชนะเลิศจะได้เข้ารับพระราชทาน “ถ้วยรางวัลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ใช้ชื่อการแข่งขันในครั้งนั้นว่า Bangkok Business Challenge และได้จัดการแข่งขันขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ต่อมาในการแข่งขันปีที่ 5 คือในปี พ.ศ. 2550 หรือ ค.ศ. 2007 ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้เข้าร่วมเป็นผู้จัดการแข่งขันด้วย จึงได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น The mai Bangkok Business Challenge®@ Sasin ตั้งแต่นั้นมา โดยการแข่งขันนี้เป็นการประกวดแผนธุรกิจระดับโลกที่เดียวในประเทศไทย”
“และด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้การประกวดแผนธุรกิจ The mai Bangkok Business Challenge @ Sasin ในแต่ละครั้งมีการพัฒนาอย่างก้าวไกล จากการที่มีผู้ร่วมเข้าแข่งขันเป็นทีมจากประเทศไทยทั้งหมดในปีแรก กลายเป็นมีผู้ร่วมเข้าแข่งขันจากทั่วโลกในปีต่อๆ มาเพิ่มมากขึ้นทุกปี” ศาสตราจารย์เติมศักดิ์ กล่าว
วัตถุประสงค์ในการจัดการแข่งขันดังกล่าวก็เพื่อให้เป็นเวทีให้นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากสถาบันต่างๆ ได้เรียนรู้และค้นหาศักยภาพของตนเองในการเขียนและการนำเสนอแผนธุรกิจ เพื่อประลองความเป็น “ผู้ประกอบการ” (Entrepreneur) บนเส้นทางธุรกิจเพื่อให้เกิดการร่วมลงทุนจริงในอนาคต โดยในช่วงที่ผ่านมา สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ ได้ให้ความสำคัญกับการประกวดแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ The mai Bangkok Business Challenge®@ Sasin เป็นอย่างมาก
Seeds of Success for a Sustainable Future หรือ เมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน คือแนวคิดหลักสำหรับการแข่งขัน ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้การแข่งขันนี้เป็นที่ช่วยบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดที่จะเติบโตสู่การพิชิตโลกธุรกิจด้วยความประสบความสำเร็จต่อไปอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และส่งผลให้เกิดความยั่งยืน สำหรับการแข่งขันในปีนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) Money Channel และเทสโก้ โลตัส โดยมีบริษัท โกลเด้นโบล์ จำกัด เป็นผู้ร่วมให้การสนับสนุน
ในปีนี้ผู้สมัครในรอบแรกมีจำนวนมากถึง 63 ทีม ครอบคลุม 5 ทวีป จาก 20 ประเทศทั่วโลก และสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในการแข่งขันในปีนี้คือ มีสถาบันที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกร่วมแข่งขันด้วย อาทิ Rice University และ University of Oregon จากสหรัฐอเมริกา, Queensland University of Technology จากออสเตรเลีย, National University of Singapore หรือ NUS จากสิงคโปร์, Indian School of Business จากอินเดีย และ Yonsei School of Business จาก เกาหลีใต้ เป็นต้น โดยจะคัดเลือกเพียง 1 ทีมเท่านั้นที่สามารถฝ่าฟันการแข่งขันที่เข้มข้นในครั้งนี้เพื่อรับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะผู้ชนะเลิศการแข่งขัน
ส่วนการแข่งขัน The mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin 2013 รอบรองชนะเลิศในครั้งนี้ มี 16 ทีม จาก 11 ประเทศ ผ่านเข้ารอบ ได้แก่ มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส สาธารณรัฐโปรตุเกส สหรัฐอเมริกา เครือรัฐออสเตรเลีย และราชอาณาจักรไทย โดยเป็นทีมไทย 2 ทีม คือ ทีมจากสถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ และทีมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยแผนธุรกิจส่วนใหญ่ที่ส่งเข้าแข่งขันในปีนี้เป็นธุรกิจในรูปแบบนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยเสริมคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ศศินทร์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ร่วมจัดการแข่งขันร่วมกันอีกครั้ง โดยมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) Money Channel และเทสโก้ โลตัส เป็นผู้สนับสนุนหลัก และบริษัท โกลเด้นโบล์ จำกัด เป็นผู้ร่วมให้การสนับสนุน
สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถเข้าชมการแข่งขันเพื่อเปิดโลกทัศน์ธุรกิจคลื่นลูกใหม่ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2556 นี้ ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซ. จุฬา 12 สอบถามเพิ่มเติมโทร 0-2218-4001 ถึง 9 ต่อ 181-182 หรือที่เว็บไซต์ www.bbc.in.th
The mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin 2013
เวทีค้นหาศักยภาพของนิสิตนักศึกษา
การแข่งขันThe mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin 2013 เกิดขึ้นด้วยหลักการที่เชื่อว่าการนำความรู้ที่มีในห้องเรียนมาประยุกต์ใช้ในโลกธุรกิจนั้น เป็นสิ่งจำเป็นในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจฯ ศศินทร์ ซึ่งสถาบันการศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาระดับโลกจาก AACSB International และ EQUIS จึงเป็นผู้ริเริ่มจัดแข่งขันการนำเสนอแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ ให้เป็นเวทีของนิสิตนักศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจได้มีโอกาสเรียนรู้และค้นหาศักยภาพของตนเองบนเส้นทางธุรกิจ ตั้งแต่ปี 2545 โดยใช้ชื่อว่า Bangkok Business Challenge®
หากต่อมาในปี 2550 การแข่งขันได้รับการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขัน จึงได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น The mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin การแข่งขันแผนธุรกิจนี้ได้เติบโตขึ้นจากการแข่งขันระดับประเทศที่มีผู้สนใจเข้าแข่งขันเพียง 12 ทีม ไปสู่เป็นการแข่งขันระดับภูมิภาคเอเซียและกลายเป็นการแข่งขันระดับโลกภายในเวลาเพียง 7 ปี
ศาสตราจารย์เติมศักดิ์ กฤษณามระ ผู้อำนวยการ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงประวัติความเป็นมาของงานดังกล่าวว่า “ย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีก่อน คือ ปี พ.ศ. 2545 หรือ ค.ศ. 2002 สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เริ่มจัดการแข่งขันประกวดแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรก สำหรับนิสิตนักศึกษาระดับมหาบัณฑิต สาขาการบริหารธุรกิจ จากสถาบันการศึกษาภายในประเทศ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบการสถาปนาสถาบันฯ 20 ปี โดยผู้ชนะเลิศจะได้เข้ารับพระราชทาน “ถ้วยรางวัลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ใช้ชื่อการแข่งขันในครั้งนั้นว่า Bangkok Business Challenge และได้จัดการแข่งขันขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ต่อมาในการแข่งขันปีที่ 5 คือในปี พ.ศ. 2550 หรือ ค.ศ. 2007 ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้เข้าร่วมเป็นผู้จัดการแข่งขันด้วย จึงได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น The mai Bangkok Business Challenge®@ Sasin ตั้งแต่นั้นมา โดยการแข่งขันนี้เป็นการประกวดแผนธุรกิจระดับโลกที่เดียวในประเทศไทย”
“และด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้การประกวดแผนธุรกิจ The mai Bangkok Business Challenge @ Sasin ในแต่ละครั้งมีการพัฒนาอย่างก้าวไกล จากการที่มีผู้ร่วมเข้าแข่งขันเป็นทีมจากประเทศไทยทั้งหมดในปีแรก กลายเป็นมีผู้ร่วมเข้าแข่งขันจากทั่วโลกในปีต่อๆ มาเพิ่มมากขึ้นทุกปี” ศาสตราจารย์เติมศักดิ์ กล่าว
วัตถุประสงค์ในการจัดการแข่งขันดังกล่าวก็เพื่อให้เป็นเวทีให้นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากสถาบันต่างๆ ได้เรียนรู้และค้นหาศักยภาพของตนเองในการเขียนและการนำเสนอแผนธุรกิจ เพื่อประลองความเป็น “ผู้ประกอบการ” (Entrepreneur) บนเส้นทางธุรกิจเพื่อให้เกิดการร่วมลงทุนจริงในอนาคต โดยในช่วงที่ผ่านมา สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ ได้ให้ความสำคัญกับการประกวดแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ The mai Bangkok Business Challenge®@ Sasin เป็นอย่างมาก
Seeds of Success for a Sustainable Future หรือ เมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน คือแนวคิดหลักสำหรับการแข่งขัน ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้การแข่งขันนี้เป็นที่ช่วยบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดที่จะเติบโตสู่การพิชิตโลกธุรกิจด้วยความประสบความสำเร็จต่อไปอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และส่งผลให้เกิดความยั่งยืน สำหรับการแข่งขันในปีนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) Money Channel และเทสโก้ โลตัส โดยมีบริษัท โกลเด้นโบล์ จำกัด เป็นผู้ร่วมให้การสนับสนุน
ในปีนี้ผู้สมัครในรอบแรกมีจำนวนมากถึง 63 ทีม ครอบคลุม 5 ทวีป จาก 20 ประเทศทั่วโลก และสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในการแข่งขันในปีนี้คือ มีสถาบันที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกร่วมแข่งขันด้วย อาทิ Rice University และ University of Oregon จากสหรัฐอเมริกา, Queensland University of Technology จากออสเตรเลีย, National University of Singapore หรือ NUS จากสิงคโปร์, Indian School of Business จากอินเดีย และ Yonsei School of Business จาก เกาหลีใต้ เป็นต้น โดยจะคัดเลือกเพียง 1 ทีมเท่านั้นที่สามารถฝ่าฟันการแข่งขันที่เข้มข้นในครั้งนี้เพื่อรับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะผู้ชนะเลิศการแข่งขัน
ส่วนการแข่งขัน The mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin 2013 รอบรองชนะเลิศในครั้งนี้ มี 16 ทีม จาก 11 ประเทศ ผ่านเข้ารอบ ได้แก่ มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส สาธารณรัฐโปรตุเกส สหรัฐอเมริกา เครือรัฐออสเตรเลีย และราชอาณาจักรไทย โดยเป็นทีมไทย 2 ทีม คือ ทีมจากสถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ และทีมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยแผนธุรกิจส่วนใหญ่ที่ส่งเข้าแข่งขันในปีนี้เป็นธุรกิจในรูปแบบนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยเสริมคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ศศินทร์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ร่วมจัดการแข่งขันร่วมกันอีกครั้ง โดยมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) Money Channel และเทสโก้ โลตัส เป็นผู้สนับสนุนหลัก และบริษัท โกลเด้นโบล์ จำกัด เป็นผู้ร่วมให้การสนับสนุน
สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถเข้าชมการแข่งขันเพื่อเปิดโลกทัศน์ธุรกิจคลื่นลูกใหม่ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2556 นี้ ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซ. จุฬา 12 สอบถามเพิ่มเติมโทร 0-2218-4001 ถึง 9 ต่อ 181-182 หรือที่เว็บไซต์ www.bbc.in.th
The mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin 2013
เวทีค้นหาศักยภาพของนิสิตนักศึกษา
การแข่งขันThe mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin 2013 เกิดขึ้นด้วยหลักการที่เชื่อว่าการนำความรู้ที่มีในห้องเรียนมาประยุกต์ใช้ในโลกธุรกิจนั้น เป็นสิ่งจำเป็นในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจฯ ศศินทร์ ซึ่งสถาบันการศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาระดับโลกจาก AACSB International และ EQUIS จึงเป็นผู้ริเริ่มจัดแข่งขันการนำเสนอแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ ให้เป็นเวทีของนิสิตนักศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจได้มีโอกาสเรียนรู้และค้นหาศักยภาพของตนเองบนเส้นทางธุรกิจ ตั้งแต่ปี 2545 โดยใช้ชื่อว่า Bangkok Business Challenge®
หากต่อมาในปี 2550 การแข่งขันได้รับการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขัน จึงได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น The mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin การแข่งขันแผนธุรกิจนี้ได้เติบโตขึ้นจากการแข่งขันระดับประเทศที่มีผู้สนใจเข้าแข่งขันเพียง 12 ทีม ไปสู่เป็นการแข่งขันระดับภูมิภาคเอเซียและกลายเป็นการแข่งขันระดับโลกภายในเวลาเพียง 7 ปี